คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5415/2537

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

การให้การต่อสู้ว่าครอบครองทรัพย์สินของผู้อื่นจนได้กรรมสิทธิ์เป็นข้ออ้างที่เป็นการรอนสิทธิในทรัพย์สินของผู้อื่น ดังนั้นข้ออ้างจะต้องชัดแจ้งตามเกณฑ์ที่ได้บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382 กล่าวคือ นอกจากจะต้องอ้างว่าได้ครอบครองโดยสงบและเปิดเผยแล้ว ยังจะต้องอ้างว่าโดยเจตนาเป็นเจ้าของติดต่อกันเป็นเวลาสิบปีแล้วด้วย ถ้าทรัพย์สินนั้นเป็นอสังหาริมทรัพย์ เมื่อจำเลยให้การแต่เพียงว่าได้ครอบครองที่พิพาทโดยสงบและเปิดเผย โดยมิได้อ้างว่าด้วยเจตนาเป็นเจ้าของติดต่อกันเป็นเวลาสิบปี ถือไม่ได้ว่าจำเลยให้การต่อสู้ว่าได้ครอบครองที่พิพาทจนได้กรรมสิทธิ์ จึงไม่มีประเด็นข้อพิพาทดังกล่าวในคดีการที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าจำเลยที่ 3 ได้ครอบครองที่พิพาทจนได้กรรมสิทธิ์ จึงเป็นการวินิจฉัยนอกประเด็นข้อพิพาทและปัญหานี้เป็นปัญหาเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนโจทก์มีสิทธิยกขึ้นอ้างในชั้นศาลฎีกาได้

ย่อยาว

โจทก์ทั้งสามฟ้องและแก้ไขคำฟ้องว่า โจทก์ทั้งสามเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดิน โฉนดเลขที่ 9046 โจทก์ทั้งสามเพิ่งทราบว่าจำเลยทั้งสามกับพวกได้บุกรุกเข้ามาปลูกตึกแถว เลขที่ 855/2ในที่ดินของโจทก์ทั้งสามเมื่อวันที่ 5 สิงหาคม 2528 โจทก์ทั้งสามได้แจ้งให้จำเลยทั้งสามรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกไป แต่จำเลยทั้งสามไม่ยอมรื้อถอน การกระทำของจำเลยทั้งสามเป็นการละเมิดสิทธิของโจทก์ทั้งสาม ทำให้โจทก์ทั้งสามไม่สามารถใช้ประโยชน์ในที่ดินได้ซึ่งหากให้เช่า แล้วจะได้ค่าเช่าเดือนละ 4,000 บาท ขอให้บังคับจำเลยทั้งสามรื้อถอนตึกแถวเลขที่ 855/2 กับสิ่งปลูกสร้างอื่น ๆออกไปจากที่ดินดังกล่าวของโจทก์ทั้งสามพร้อมทั้งทำให้ที่ดินเป็นไปตามเดิม ให้จำเลยทั้งสามและบริวารออกไปจากที่ดินของโจทก์ทั้งสาม ห้ามไม่ให้เกี่ยวข้องอีกต่อไป และร่วมกันชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ทั้งสามเป็นเงิน 22,000 บาท กับค่าเสียหายแก่โจทก์ทั้งสามเป็นรายเดือนเดือนละ 4,000 บาท นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไป จนกว่าจำเลยทั้งสามและบริวารจะรื้อถอนตึกแถวเลขที่ 855/2 กับสิ่งปลูกสร้างอื่น ๆ ออกไปจากที่ดินของโจทก์ทั้งสาม
จำเลยที่ 1 ที่ 2 ขาดนัดยื่นคำให้การและจำเลยทั้งสามขาดนัดพิจารณา
จำเลยที่ 3 ให้การว่า จำเลยที่ 3 ทำสัญญาซื้อขายตึกแถวเลขที่ 855/2 พร้อมที่ดินพิพาทจากนายเจริญ พรหมศร เมื่อวันที่17 มีนาคม 2517 ปรากฏตามเอกสารท้ายคำให้การหมายเลข 1 ก่อนและขณะทำสัญญาซื้อขายนายเจริญแจ้งให้จำเลยที่ 3 ทราบว่ามิได้เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ แต่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของที่พิพาทให้ปลูกสร้างตึกแถวเลขที่ 855/2 ในที่ดินและเจ้าของที่ดินได้สัญญากับผู้ขายว่าจะโอนกรรมสิทธิ์ในที่ดินดังกล่าวให้แก่ผู้ซื้อ จำเลยที่ 3 จึงทำสัญญาซื้อขายและได้ย้ายเข้าอยู่ในตึกแถวเลขที่ 855/2 นับแต่วันทำสัญญาโดยสงบและเปิดเผย โจทก์ทั้งสามไม่เคยบอกกล่าวให้จำเลยที่ 3รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกไป จำเลยที่ 3 ได้สิทธิตามสัญญาซื้อขายมาโดยสุจริตเสียค่าตอบแทน โจทก์ทั้งสามยินยอมโดยนิตินัยให้จำเลยที่ 3 เข้าอยู่อาศัยโดยเปิดเผย ขอให้ยกฟ้อง
ระหว่างพิจารณา ห้างหุ้นส่วนจำกัดเจริญเขตสถาปัตย์ ที่ 1นายเจริญ พรหมศร ที่ 2 ผู้ร้องสอดร้องขอเข้าเป็นจำเลยร่วมศาลชั้นต้นอนุญาต
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษายกฟ้อง
โจทก์ทั้งสามอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ทั้งสามฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “เห็นสมควรวินิจฉัยปัญหาตามฎีกาโจทก์ทั้งสามในข้อกฎหมายที่ว่าศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์วินิจฉัยโดยฟังข้อเท็จจริงต้องกันว่า จำเลยที่ 3 ได้กรรมสิทธิ์ที่พิพาทโดยการครอบครองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382 เป็นการวินิจฉัยนอกประเด็นข้อพิพาทหรือไม่เสียก่อน โจทก์ฟ้องอ้างว่าจำเลยทั้งสามบุกรุกเข้ามาปลูกตึกแถวเลขที่ 855/2 ในที่พิพาทซึ่งเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์ทั้งสาม ขอให้จำเลยทั้งสามรื้อถอนตึกแถวห้องดังกล่าวออกไปจากที่พิพาท และชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ จำเลยที่ 3ให้การต่อสู้มีใจความเป็นสำคัญว่าจำเลยที่ 3 ไม่ได้บุกรุกที่พิพาทหากแต่จำเลยที่ 3 ซื้อตึกแถวเลขที่ 855/2 พร้อมที่พิพาทจากจำเลยร่วมที่ 2 โดยสุจริตและเสียค่าตอบแทนโดยจำเลยร่วมที่ 2ได้รับอนุญาตจากเจ้าของที่ดินให้ปลูกสร้างตึกแถวดังกล่าวแล้วเจ้าของที่ดินให้สัญญาว่าจะโอนกรรมสิทธิ์ที่พิพาทแก่ผู้ซื้อหลังจากซื้อแล้ว จำเลยที่ 3 ได้ครอบครองที่พิพาทโดยสงบเปิดเผย ขอให้ยกฟ้องมีปัญหาว่าคำให้การของจำเลยที่ 3 ดังกล่าวถือได้หรือไม่ว่าจำเลยที่ 3ให้การต่อสู้ว่าได้ครอบครองที่พิพาทจนได้กรรมสิทธิ์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382 พิเคราะห์แล้วเห็นว่า การให้การต่อสู้ว่าครอบครองทรัพย์สินของผู้อื่นจนได้กรรมสิทธิ์เป็นข้ออ้างที่เป็นการรอนสิทธิในทรัพย์สินของผู้อื่น ดังนั้นข้ออ้างจะต้องชัดแจ้งตามเกณฑ์ที่ได้บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382ที่ว่าบุคคลใดครอบครองทรัพย์สินของผู้อื่นไว้โดยสงบและเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของ ถ้าเป็นอสังหาริมทรัพย์ได้ครอบครองติดต่อกันเป็นเวลาสิบปี ท่านว่าบุคคลนั้นได้กรรมสิทธิ์ตามบทบัญญัติมาตราดังกล่าวซึ่งนอกจากจะต้องอ้างว่าได้ครอบครองโดยสงบและเปิดเผยแล้วยังจะต้องอ้างว่าโดยเจตนาเป็นเจ้าของติดต่อกันเป็นเวลาสิบปีแล้วด้วย ถ้าทรัพย์สินนั้นเป็นอสังหาริมทรัพย์ แต่จำเลยให้การอ้างแต่เพียงว่า ได้ครอบครองที่พิพาทโดยสงบและเปิดเผย โดยมิได้อ้างว่าด้วยเจตนาเป็นเจ้าของติดต่อกันเป็นเวลาสิบปีแล้วมาด้วยดังนี้ถือไม่ได้ว่าจำเลยให้การต่อสู้ว่าได้ครอบครองที่พิพาทจนได้กรรมสิทธิ์ตามบทกฎหมายมาตราดังกล่าว จึงไม่มีประเด็นข้อพิพาทดังกล่าวนี้ในคดี ที่ศาลล่างทั้งสองฟังต้องกันว่าจำเลยที่ 3ได้ครอบครองที่พิพาทจนได้กรรมสิทธิ์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1382 จึงเป็นการวินิจฉัยนอกประเด็นข้อพิพาท แม้โจทก์ทั้งสามจะมิได้ยกปัญหานี้ขึ้นมาในชั้นศาลอุทธรณ์ แต่ปัญหานี้เกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน โจทก์มีสิทธิยกขึ้นอ้างในชั้นศาลฎีกาได้ ฎีกาโจทก์ทั้งสามฟังขึ้น สำหรับปัญหาตามฎีกาโจทก์ทั้งสามที่ว่าโจทก์มีสิทธิฟ้องให้จำเลยทั้งสามรื้อถอนตึกแถวเลขที่ 855/2กับสิ่งปลูกสร้างอื่น ๆ ออกไปจากที่ดินของโจทก์ทั้งสามหรือไม่และค่าเสียหายมีเพียงใดนั้น เห็นว่า ปัญหาดังกล่าวศาลล่างทั้งสองยังไม่ได้วินิจฉัย ศาลฎีกาเห็นสมควรย้อนสำนวนไปให้ศาลทั้งสองวินิจฉัยเสียก่อน เนื่องจากผลแห่งคำวินิจฉัยของศาลล่างทั้งสองอาจเกี่ยวโยงไปถึงสิทธิในการอุทธรณ์ฎีกาคดีนี้ต่อไปอีก”
พิพากษายกคำพิพากษาของศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ ให้ศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษาใหม่ตามรูปคดี

Share