คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5413/2538

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

แม้การกระทำของเจ้าหน้าที่ของจำเลยที่2กระทำด้วยความประมาทเลินเล่อโดยเปิดบัญชีออมทรัพย์ให้ว. ในนามของโจทก์ที่1โดยดูแต่เพียงสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของโจทก์ที่1มิได้ดูต้นฉบับบัตรประจำตัวประชาชนของโจทก์ที่1และเปรียบเทียบรูปถ่ายในบัตรประจำตัวประชาชนของโจทก์ที่1กับว. เป็นเหตุให้ว. ถอนเงินที่ช. ซึ่งเป็นตัวแทนของโจทก์ในการขายคืนพันธบัตรรัฐบาลและโอนเงินที่ขายได้ตามเช็คขีดคร่อมที่ธนาคารแห่งประเทศไทยสั่งจ่ายแก่โจทก์ทั้งสองมาเข้าบัญชีออกทรัพย์ดังกล่าวไปอันเป็นการละเมิดต่อโจทก์ทั้งสองและจำเลยที่2ผู้เป็นนายจ้างจะต้องรับผิดต่อโจทก์ทั้งสองก็ตามแต่เนื่องจากช. ซึ่งเป็นตัวแทนของโจทก์ทั้งสองนำสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของโจทก์ที่1ให้ว. ไปขอเปิดบัญชีออมทรัพย์กับจำเลยที่2ได้ถือได้ว่าความเสียหายได้เกิดขึ้นเพราะความผิดอย่างหนึ่งอย่างใดของโจทก์ทั้งสองซึ่งเป็นตัวการประกอบด้วยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา442จึงให้จำเลยที่2รับผิดต่อโจทก์ทั้งสองเพียงกึ่งหนึ่ง

ย่อยาว

โจทก์ทั้งสองฟ้องว่า โจทก์ทั้งสองมอบให้ธนาคารจำเลยที่ 1สาขาปราจีนบุรี เป็นตัวแทนซื้อพันธบัตรเงินกู้ในปีงบประมาณพ.ศ. 2531 ต่อมาโจทก์ทั้งสองมอบให้จำเลยที่ 1 เป็นตัวแทนขายคืนพันธบัตรดังกล่าวให้ธนาคารแห่งประเทศไทย นายวิชัยผู้ช่วยสมุห์บัญชีธนาคาร จำเลยที่ 1 สาขาปราจีนบุรี ไปดำเนินการขายพันธบัตรดังกล่าวแทนจำเลยที่ 1 ธนาคารแห่งประเทศไทยชำระต้นเงินตามพันธบัตรพร้อมดอกเบี้ยเป็นเช็คสั่งจ่ายเงิน 2,006,246.58บาท ให้แก่โจทก์ทั้งสอง ด้วยความประมาทเลินเล่อของจำเลยที่ 1ที่ไม่ควบคุมดูแลให้นายวิชัยซึ่งกระทำในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 1 นำเช็คที่ได้รับมอบให้จำเลยที่ 1 เพื่อมอบแก่โจทก์ทั้งสองเป็นเหตุให้นายวิชัยสมคบกับบุคคลอื่นทุจริตมอบเช็คที่ได้รับมาแก่ธนาคารจำเลยที่ 2 สาขาบางลำภู และด้วยความประมาทเลินเล่อของพนักงานลูกจ้างของจำเลยที่ 2ซึ่งกระทำในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 2 ที่ไม่ตรวจสอบว่าผู้ที่นำเช็คดังกล่าวมาเรียกเก็บไม่ใช่โจทก์ทั้งสองหรือผู้ทรงเช็คโดยชอบด้วยกฎหมาย และด้วยความประมาทเลินเล่อของจำเลยที่ 2ที่รับเช็คดังกล่าวไว้และเรียกเก็บเงินตามเช็คจากธนาคารแห่งประเทศไทย นำเงินเข้าบัญชีของบุคคลอื่นซึ่งมิใช่โจทก์ทั้งสอง เป็นเหตุให้โจทก์ทั้งสองได้รับความเสียหายไม่ได้รับเงินตามเช็ค ขอให้บังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงิน2,116,796.58 บาท พร้อมดอกเบี้ย
จำเลยที่ 1 ให้การว่ามิได้ประมาทเลินเล่อ ขอให้ยกฟ้อง
จำเลยที่ 2 ให้การว่า มิได้กระทำโดยจงใจหรือประมาทเลินเล่อขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 1 ชำระเงิน 2,006,246.58 บาทพร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 13.75 ต่อปี ยกฟ้องจำเลยที่ 2
โจทก์ทั้งสองและจำเลยที่ 1 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่าให้จำเลยที่ 1 ที่ 2 ชำระเงิน2,006,246.58 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 15 ต่อปี
จำเลยที่ 1 และที่ 2 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า การกระทำของเจ้าหน้าที่จำเลยที่ 2ที่ยอมรับเปิดบัญชีออมทรัพย์แก่นางวิมลวรรณในชื่อของโจทก์ที่ 1โดยดูสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของโจทก์ที่ 1 มิได้ดูต้นฉบับประจำตัวของประชาชนของโจทก์ที่ 1 และเปรียบเทียบรูปถ่ายในบัตรประจำตัวประชาชนของโจทก์ที่ 1 กับนางวิมลวรรณ เป็นเหตุให้นางวิมลวรรณเปิดบัญชีออมทรัพย์ในนามของโจทก์ที่ 1 และถอนเงินที่นายวิชัยโอนเงินตามเช็คขีดคร่อมที่ธนาคารแห่งประเทศไทยสั่งจ่ายแก่โจทก์ทั้งสองมาเข้าบัญชีออมทรัพย์ดังกล่าวได้การกระทำของเจ้าหน้าที่จำเลยที่ 2 จึงเป็นการกระทำโดยประมาทเลินเล่ออันเป็นการละเมิดต่อโจทก์ทั้งสอง ซึ่งจำเลยที่ 2 ผู้เป็นนายจ้างจะต้องรับผิดต่อโจทก์ทั้งสอง แต่เนื่องจากโจทก์ทั้งสองมอบอำนาจให้นายวิชัยเป็นการส่วนตัว นายวิชัยจึงเป็นตัวแทนของโจทก์ทั้งสอง เมื่อนายวิชัยตัวแทนโจทก์ทั้งสองนำสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของโจทก์ที่ 1 ไปขอเปิดบัญชีออมทรัพย์กับจำเลยที่ 2 ได้ ถือได้ว่าความเสียหายได้เกิดขึ้นเพราะความผิดอย่างหนึ่งอย่างใดของโจทก์ทั้งสองซึ่งเป็นตัวการประกอบด้วยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 442 จึงให้จำเลยที่ 2รับผิดต่อโจทก์ทั้งสองเพียงกึ่งหนึ่ง
พิพากษาแก้เป็นว่าให้จำเลยที่ 2 ใช้เงิน 1,003,123.29 บาทพร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 14.35 บาท ยกฟ้องจำเลยที่ 1

Share