คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 541/2523

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

คดีบังคับบริวารของผู้เช่าที่ศาลพิพากษาขับไล่จากอสังหาริมทรัพย์ ถ้าคู่ความเดิมในคดีฟ้องขับไล่นั้นต้องห้ามมิให้ฎีกาในข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 วรรคสองผู้ร้องซึ่งถูกบังคับคดีในฐานะเป็นบริวารของผู้เช่าก็ต้องห้ามมิให้ฎีกาในข้อเท็จจริงด้วย ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา248 วรรคสาม

ย่อยาว

ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาว่าผู้ร้องเป็นบริวารของผู้เช่า ซึ่งได้มีคำพิพากษาถึงที่สุด ให้ขับไล่ออกจากที่พิพาทแล้ว จึงให้ผู้ร้องออกไปจากที่พิพาทและห้ามเข้าเกี่ยวข้อง ผู้ร้องฎีกาว่า ผู้ร้องไม่ได้เป็นบริวารของผู้เช่า

ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “คดีนี้สืบเนื่องจากคดีเดิมที่โจทก์ฟ้องกล่าวหาว่าจำเลยบุกรุกเข้าไปไถและปลูกข้าวโพดในที่พิพาทซึ่งโจทก์มีสิทธิครอบครอง ขอให้ขับไล่และเรียกค่าเสียหาย จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา จึงไม่มีประเด็นในเรื่องกล่าวแก้เป็นข้อพิพาทเรื่องกรรมสิทธิ์ ซึ่งจำเลยจะต้องยกขึ้นมาเป็นข้อต่อสู้ไว้ในคำให้การ และอ้างเหตุแห่งการนั้น ดังที่บัญญัติไว้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 177 คดีดังกล่าวจึงถือไม่ได้ว่าจำเลยได้กล่าวแก้เป็นข้อพิพาทด้วยกรรมสิทธิ์ในอันที่จะได้รับการยกเว้นไม่ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 วรรคสอง

เฉพาะคดีนี้เป็นเรื่องชั้นบังคับคดี ซึ่งมีประเด็นว่า นางคำพาผู้ร้องเป็นบริวารของจำเลยที่ 1 หรือไม่ เห็นว่า เป็นคดีเกี่ยวกับการบังคับวงศ์ญาติและบริวารของจำเลยที่ถูกฟ้องขับไล่ในกรณีอื่นอันอยู่บนอสังหาริมทรัพย์ คดีนี้ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาว่าผู้ร้องเป็นบริวารของจำเลย ให้ขับไล่ผู้ร้องฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงดังนี้ ศาลฎีกาเห็นว่า เมื่อคู่ความเดิมในคดีฟ้องขับไล่ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงดังกล่าวแล้ว ฎีกาของผู้ร้องจึงต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงด้วย ดังที่บัญญัติไว้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 วรรคสาม ที่ศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาผู้ร้องไว้จึงเป็นคำสั่งที่ไม่ชอบ

ให้ยกฎีกาผู้ร้อง คืนค่าธรรมเนียมศาลทั้งหมดให้ผู้ร้อง ค่าทนายความชั้นฎีกาให้เป็นพับ”

Share