แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ผู้ตายก่อเหตุขึ้นก่อน เมื่อถูกจำเลยต่อว่าและสงสัยว่าผู้ตายลักปลา โดยได้ด่าว่าจำเลยและแสดงอาการจะเข้าทำร้ายจำเลย. แม้จำเลยถ่อเรือหนีผู้ตายถ่อเรือไล่ตามจะทำร้ายจำเลยอีก. ครั้นตามไปทันผู้ตายได้ใช้ไม้ถ่อยาวประมาณ 1 วาเศษตีจำเลยก่อน. จำเลยยกไม้ถ่อขึ้นรับผู้ตายตีจำเลยอีกประมาณ 20 ที. จำเลยจึงตีตอบไปบ้างขณะตีกันจำเลยถูกผู้ตายตีที่ศีรษะด้านบนบวมปูดถูกหลังมือและนิ้วบวม หนังถลอก. และเมื่อผู้ตายตกลงไปยืนในน้ำซึ่งตั้งหลักได้ดีกว่าอยู่บนเรือได้ตีจำเลยอีกอย่างรุนแรงจนปลายไม้ถ่อของจำเลยหักหลุดกระเด็น และตีจำเลยจนเรือจำเลยล่ม. จำเลยตกลงไปในน้ำถ่อหลุดจากมือ. จำเลยจึงหยิบมีดสปริงซึ่งใบมีดยาวเท่านิ้วชี้ออกจากกระเป๋ากางเกงที่มีอยู่แทงผู้ตายไป. ดังนี้เมื่อผู้ตายก่อเหตุขึ้นก่อนทั้งจำเลยไม่มีโอกาสจะหลีกเลี่ยงจากการถูกทำร้ายได้.และไม่มีโอกาสจะเลือกอาวุธอื่นใดมาใช้ได้ทัน. การที่จำเลยแทงผู้ตายก็เพราะขณะนั้นจำเลยกำลังตกอยู่ในระหว่างภยันตรายร้ายแรงซึ่งเกิดเฉพาะหน้าอันเป็นเวลากระทันหันและพัวพันกันอยู่. ถ้าจำเลยไม่แทงผู้ตาย.จำเลยอาจถูกผู้ตายใช้ไม้ถ่อตีและแทงทำร้ายถึงตายได้. พฤติการณ์ดังกล่าวมีเหตุผลอันสมควร. การกระทำของจำเลยจึงเป็นการป้องกันตัวที่พอสมควรแก่เหตุโดยชอบด้วยกฎหมายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา68.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานฆ่าผู้ตายโดยเจตนาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 จำเลยให้การรับสารภาพ และว่าแทงผู้ตายไปด้วยความกลัว เพราะถูกผู้ตายใช้ไม้ถ่อตีจำเลย ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 ให้จำคุก 16 ปี ลดโทษฐานรับสารภาพกึ่งหนึ่งตามมาตรา 78 คงให้จำคุก 8 ปี จำเลยอุทธรณ์ขอให้ลงโทษเบาลงอีก และว่าการกระทำของจำเลยเป็นการทำร้ายผู้ตายเพื่อป้องกันตัวพอสมควรแก่เหตุ ขอให้ยกฟ้อง ศาลอุทธรณ์เห็นว่าการกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันตัวพอสมควรแก่เหตุตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 68 จำเลยไม่มีความผิด พิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์ โจทก์ฎีกา ศาลฎีกาเห็นว่า เหตุที่จะเกิดทำร้ายกันขึ้นนี้ ก็โดยผู้ตายก่อเหตุขึ้นก่อน กล่าวคือเมื่อจำเลยต่อว่าผู้ตาย สงสัยว่าผู้ตายลักปลา ผู้ตายได้ด่าว่าจำเลยและแสดงอาการจะเข้าทำร้ายจำเลย จำเลยถ่อเรือหนี ผู้ตายก็ยังถ่อเรือไล่ตามจะทำร้ายจำเลยอีก ครั้นตามไปทันผู้ตายได้ใช้ไม้ถ่อยาวประมาณ 1 วาเศษตีจำเลยก่อน จำเลยยกไม้ถ่อขึ้นรับ ผู้ตายตีจำเลยอีกประมาณ 20 ที จำเลยจึงตีตอบไปบ้าง ขณะตีกัน จำเลยถูกผู้ตายตีที่ศีรษะด้านบนบวมปูด ถูกหลังมือและนิ้วบวมหนังถลอก และเมื่อผู้ตายตกลงไปในน้ำยืนตั้งหลักได้ดีกว่าอยู่บนเรือผู้ตายได้ตีจำเลยอีกอย่างรุนแรงจนปลายไม้ถ่อของจำเลยหักหลุดกระเด็นผู้ตายก็ยังตีจำเลยอยู่จนเรือจำเลยล่ม จำเลยตกลงไปในน้ำ ถ่อหลุดจากมือ จำเลยไม่มีโอกาสจะหลีกเลี่ยงจากการถูกทำร้ายได้ และจำเลยไม่มีโอกาสจะเลือกอาวุธอื่นใดมาใช้ได้ทัน จึงต้องหยิบมีดสะปริงซึ่งใบมีดยาวเพียงเท่านิ้วชี้จากกระเป๋ากางเกงที่มีอยู่แทงผู้ตายไปการที่จำเลยแทงผู้ตายก็เพราะขณะนั้นจำเลยกำลังตกอยู่ในระหว่างภยันตรายร้ายแรงซึ่งเกิดขึ้นเฉพาะหน้า อันเป็นเวลากระทันหันและพัวฟันกันอยู่ พฤติการณ์ที่จำเลยใช้มีดแทงผู้ตายนั้นมีเหตุผลอันสมควร เพราะถ้าไม่ทำดังนั้น จำเลยอาจถูกผู้ตายใช้ไม้ถ่อตีและแทงทำร้ายถึงตายได้ การกระทำของจำเลยจึงเป็นการกระทำที่พอสมควรแก่เหตุโดยชอบด้วยกฎหมาย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 68 พิพากษายืน ยกฎีกาโจทก์.