คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4423/2545

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยกระทำความผิดคดีนี้ก่อนต้องโทษและพ้นโทษปรับในคดีก่อน จึงไม่อาจวางโทษทวีคูณของโทษที่กฎหมายกำหนดไว้สำหรับความผิดคดีนี้ได้ ตาม พ.ร.บ. ลิขสิทธิ์ ฯ มาตรา 73 ปัญหานี้เป็นปัญหาข้อกฎหมายเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย แม้จำเลยไม่ได้อุทธรณ์ ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศสามารถแก้ไขให้ถูกต้องได้
ฟ้องโจทก์ไม่ได้บรรยายว่า มีการยึดทรัพย์สินที่ใช้ในการกระทำความผิดเป็นของกลาง และคำขอท้ายฟ้องก็ไม่ได้ขอให้ริบทรัพย์สินดังกล่าว การที่ศาลทรัพย์สิน ฯ กลางพิพากษาให้ริบสิ่งที่ได้ใช้ในขณะกระทำความผิดด้วย จึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. ๒๕๓๗ มาตรา ๔ , ๖ , ๘ , ๑๕ , ๒๘ , ๓๑ , ๗๐ , ๗๓ , ๗๕ , ๗๖ พระราชบัญญัติควบคุมกิจการเทปและวัสดุโทรทัศน์ พ.ศ. ๒๕๓๐ มาตรา ๔ , ๖ , ๓๔ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๒ , ๓๓ , ๕๘ , ๙๑ ให้ระวางโทษจำเลยเป็นสองเท่าของโทษที่กำหนดไว้ และบวกโทษที่รอการลงโทษในคดีหมายเลขดำที่ อ. ๑๒๕๔/๒๕๔๓ หมายเลขแดงที่ อ. ๑๒๔๐/๒๕๔๓ ของศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางเข้ากับโทษในคดีนี้ ให้ของกลางตกเป็นของเจ้าของลิขสิทธิ์และสั่งจ่ายเงินค่าปรับฐานละเมิดลิขสิทธิ์กึ่งหนึ่งให้แก่ผู้เสียหาย
จำเลยให้การรับสารภาพ และรับว่าเป็นบุคคลคนเดียวกับจำเลยในคดีที่โจทก์ขอให้บวกโทษ
ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. ๒๕๓๗ มาตรา ๓๑ (๑) , ๗๐ วรรคสอง พระราชบัญญัติควบคุมกิจการเทปและวัสดุโทรทัศน์ พ.ศ. ๒๕๓๐ มาตรา ๖ วรรคหนึ่ง , ๓๔ เป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้เรียงกระทงลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๙๑ ความผิดตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. ๒๕๓๗ มาตรา ๓๑ (๑) , ๗๐ วรรคสอง ให้วางโทษทวีคูณ ให้จำคุก ๑ ปี และปรับ ๓๐๐,๐๐๐ บาท กระทงหนึ่ง ความผิดตามพระราชบัญญัติควบคุมกิจการเทปและวัสดุโทรทัศน์ พ.ศ. ๒๕๓๐ มาตรา ๖ วรรคหนึ่ง , ๓๔ ให้ปรับ ๒๐,๐๐๐ บาท กระทงหนึ่ง รวมจำคุก ๑ ปี และปรับ ๓๒๐,๐๐๐ บาท จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๗๘ คงจำคุก ๖ เดือน และปรับ ๑๖๐,๐๐๐ บาท เมื่อพิเคราะห์พฤติการณ์แห่งคดีประกอบกับไม่ปรากฏว่าจำเลยเคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน จึงเห็นสมควรให้โอกาสจำเลยกลับตัวต่อไป โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด ๒ ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๕๖ ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๙ , ๓๐ ของกลางให้ตกเป็นของเจ้าของลิขสิทธิ์ ส่วนสิ่งที่ได้ใช้ในการกระทำความผิดให้ริบ จ่ายค่าปรับเป็นจำนวนกึ่งหนึ่งของค่าปรับตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. ๒๕๓๗ แก่เจ้าของลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. ๒๕๓๗ มาตรา ๗๖ ศาลไม่ลงโทษจำคุกจึงไม่บวกโทษให้
จำเลยอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า… ส่วนที่จำเลยอุทธรณ์ว่าศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางไม่อาจลงโทษทวีคูณแก่จำเลยเพราะคดีก่อนศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางพิพากษาลงโทษจำคุกและปรับ โดยโทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้นั้น เห็นว่า โจทก์บรรยายฟ้องว่า ก่อนคดีนี้ จำเลยต้องคำพิพากษาถึงที่สุดของศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง ให้ลงโทษจำคุก ๓ เดือน และปรับ ๔๐,๐๐๐ บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้ ๒ ปี ในความผิดต่อพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. ๒๕๓๗ ตามคดีอาญาหมายเลขดำที่ อ. ๑๒๕๔/๒๕๔๓ หมายเลขแดงที่ อ. ๑๒๔๐/๒๕๔๓ เมื่อวันที่ ๒๓ สิงหาคม ๒๕๔๓ จำเลยได้รับโทษปรับและพ้นโทษแล้ว แต่ยังไม่ครบกำหนด ๕ ปี นับแต่วันพ้นโทษ จำเลยกระทำความผิดคดีนี้ซึ่งเป็นความผิดต่อพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. ๒๕๓๗ เมื่อวันที่ ๒ สิงหาคม ๒๕๔๓ จำเลยให้การรับสารภาพ เมื่อคดีก่อนศาลมีคำพิพากษาในวันที่ ๒๓ สิงหาคม ๒๕๔๓ ดังนั้น ข้อเท็จจริงย่อมรับฟังได้ว่า จำเลยกระทำความผิดคดีนี้ก่อนต้องโทษและพ้นโทษปรับในคดีก่อน จึงไม่อาจวางโทษทวีคูณของโทษที่กฎหมายกำหนดไว้สำหรับความผิดคดีนี้ได้ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. ๒๕๓๗ มาตรา ๗๓ ที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางวางโทษทวีคูณจึงไม่ชอบ ปัญหานี้เป็นปัญหาข้อกฎหมายเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย แม้จำเลยไม่ได้อุทธรณ์ ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศสามารถแก้ไขให้ถูกต้องได้ เมื่อวินิจฉัยปัญหาดังกล่าวแล้ว จึงไม่จำต้องวินิจฉัยอุทธรณ์ของจำเลยที่ว่า เมื่อศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางพิพากษาลงโทษจำคุกและปรับ โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้แล้วจะวางโทษทวีคูณจำเลยได้หรือไม่เพราะไม่ทำให้ผลคดีเปลี่ยนแปลง ส่วนที่จำเลยอุทธรณ์ขอให้ลดโทษนั้น เห็นว่า จำเลยรับของกลางที่มีผู้ทำซ้ำขึ้นโดยละเมิดลิขสิทธิ์ของผู้เสียหายที่ ๑ และที่ ๒ อยู่ก่อนแล้ว มาขายหรือเสนอขาย การกระทำของจำเลยจึงเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ขั้นรอง ประกอบกับสถานประกอบกิจการของจำเลยเป็นเพียงแผงลอยเล็ก ๆ และของกลางมีจำนวนไม่มาก ที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางใช้ดุลพินิจลงโทษจำเลยมานั้นหนักเกินไป ยังไม่เหมาะสมแก่พฤติการณ์แห่งรูปคดี จึงสมควรแก้ไขโทษให้เบาลง อุทธรณ์ข้อนี้ของจำเลยฟังขึ้น
อนึ่ง ฟ้องโจทก์ไม่ได้บรรยายว่า มีการยึดทรัพย์สินที่ใช้ในการกระทำความผิดเป็นของกลาง และคำขอท้ายฟ้องก็ไม่ได้ขอให้ริบทรัพย์สินดังกล่าว ดังนั้น การที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางพิพากษาให้ริบสิ่งที่ได้ใช้ในการกระทำความผิดด้วย จึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย เห็นสมควรแก้ไขให้ถูกต้อง
พิพากษาแก้เป็นว่า ความผิดตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. ๒๕๓๗ ให้ลงโทษจำคุก ๓ เดือน และปรับ ๕๐,๐๐๐ บาท ความผิดตามพระราชบัญญัติควบคุมกิจการเทปและวัสดุโทรทัศน์ พ.ศ. ๒๕๓๐ ลงโทษปรับ ๑๐,๐๐๐ บาท รวมจำคุก ๓ เดือน และปรับ ๖๐,๐๐๐ บาท ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๗๘ แล้ว คงจำคุก ๑ เดือน ๑๕ วัน และปรับ ๓๐,๐๐๐ บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้ ๒ ปี ให้ยกคำพิพากษาศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางที่ให้ริบสิ่งที่ได้ใช้ในการกระทำความผิด นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง.

Share