แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
มฤดก ที่ดิน ผู้ใดมีชื่อในหนังสือซื้อขาย ต้องสันนิษฐานว่าเปนผู้นั้นออกเงินซื้อ พยานบุคคลไม่ดีกว่าพยานเอกสาร ความประสงค์ของผู้ตาย
(เทียบฎีกา 58/128)
ย่อยาว
นางอิ่มเปนบุตรีหลวงทวยหาญกับนางบุนนาค มอบอำนาจให้อัยการฟ้องหลวงทวยหาญ เรียกทรัพย์ซึ่งเปนส่วนของตนแลมฤดกของนางบุนนาค
ทางพิจารณาได้ความว่า ที่ดินบ้านหม้อนั้นมีชื่อนางบุนนาคกับนางอิ่มในหนังสือซื้อขายครั้นนางบุนนาคตาย หลวงทวยหาญได้ทำสัญญาขายไปเปนราคา ๑๔๐๐๐ บาท ฝ่ายหลวงทวยหาญเถียงว่าตนเปนผู้ออกเงินซื้อแลขายไป ๑๒๐๐๐ บาทเท่านั้น แลอ้างพยานบุคคลมาสนับสนุนข้อนี้ ส่วนเงินค่าขายโรงรถซึ่งเปนสมรสระหว่างหลวงทวยหาญกับนางบุนนาคนั้น หลวงทวยหาญไม่ได้สู้ความว่าเงินรายนี้ได้จำหน่ายสูญสิ้นไปในระหว่างที่นางบุนนาคยังมีชีวิตอยู่เปนแต่เถียงว่าตนได้ขายไปเปนราคา ๑๖๐๐ บาท เพราะในข้อนี้โจทย์ฟ้องเรียกเปนเงิน ๒๔๐๐ บาท
ฎีกาตัดสินว่า (๑) ที่ดินบ้านหม้อนั้นนางบุนนาคเปนผู้ออกเงินซื้อ โดยยึดหลักฐานในหนังสือสำคัญ ซึ่งมีชื่อนางบุนนาคกับนางอิ่ม เพราะคำพยานบุคคลจะมาหักล้างคำพยานเอกสารไม่ได้ การที่มีชื่อนางอิ่มด้วยนั้นผู้ตายหวังจะให้นางอิ่มเปนเจ้าของด้วยส่วนหนึ่ง จึงให้แบ่งที่นั้นเปนของนางอิ่มครึ่งหนึ่งก่อน อีกครึ่งหนึ่งนั้นเปนสมรสระหว่างนางบุนนาคกับหลวงทวยหาญ แล ๑ ใน ๓ เปนมฤดกของนางบุนนาคให้นางอิ่มครึ่งหนึ่ง (๒) ส่วนเงินขายโรงรถนั้น หลวงทวยหาญจำหน่ายไม่ได้ว่าได้สูญสิ้นไปด้วยประการใดแล้ว หลวงทวยหาญต้องรับผิดชอบ แต่ในข้อนี้หลวงทวยหาญรับว่าได้ขายไปเปนเงิน ๑๖๐๐ บาท จึงให้แบ่งออกเปน ๓ ส่วนให้เปนมฤดกนางบุนนาค ๑ ส่วน ให้นางอิ่มได้กึ่งหนึ่งของมฤดกนางบุนนาค (๓) ให้หลวงทวยหาญคืนเงิน ๓๔๓๙ บาท ๓ สตางค์ ซึ่งหลวงทวยหาญรักษาไว้แทนนางอิ่ม