แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
เมื่อจำเลยให้การปฏิเสธว่าไม่เคยทำหนังสือสัญญากู้เงินและรับเงินจากโจทก์ไม่ได้มอบอำนาจให้ผู้ใดไปจดทะเบียนจำนองที่ดิน ลายมือชื่อในเอกสารต่าง ๆ ไม่ใช่ลายมือชื่อของจำเลย แต่เป็นลายมือชื่อปลอม ภาระการพิสูจน์จึงตกอยู่แก่โจทก์ที่มีหน้าที่ต้องนำสืบให้ได้ความตามประเด็นที่กล่าวอ้างมาในคำฟ้อง แต่ ย. พยานโจทก์กลับเบิกความตอบทนายจำเลยถามค้านว่าพยานไม่ได้รู้เห็นเกี่ยวข้องกับการทำสัญญากู้เงิน ไม่ทราบว่าจำเลยลงชื่อสัญญากู้เงินและรับเงินที่กู้หรือไม่ และไม่ทราบว่าลายมือชื่อผู้มอบอำนาจให้จำนองที่ดินพิพาทเป็นลายมือชื่อจำเลยหรือไม่ ส่วน ป. พยานโจทก์อีกปากหนึ่งก็เบิกความทำนองเดียวกันว่าจำเลยไม่ได้ลงชื่อผู้กู้ต่อหน้าพยานจึงไม่ยืนยันว่าเป็นลายมือชื่อของจำเลยหรือไม่ ส่วน น. ผู้ช่วยผู้จัดการสาขาของโจทก์ซึ่งเป็นประจักษ์พยานโดยตรง โจทก์กลับไม่นำมาเบิกความยืนยันตามข้อกล่าวอ้างของโจทก์ พยานหลักฐานโจทก์เพียงเท่าที่นำสืบจึงไม่มีน้ำหนักให้รับฟังว่า ลายมือชื่อในช่องผู้กู้ในสำเนาหนังสือสัญญากู้เงินและลายมือชื่อผู้มอบอำนาจในสำเนาหนังสือมอบอำนาจเป็นลายมือชื่อของจำเลย
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2535 จำเลยทำสัญญากู้เงินจากโจทก์ สาขาเชียงใหม่ จำนวน 1,500,000 บาท ดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 17ต่อปี ชำระเงินต้นพร้อมดอกเบี้ยเป็นรายเดือน ทุกวันสิ้นเดือนไม่น้อยกว่าเดือนละ 36,500 บาท เริ่มผ่อนชำระงวดแรกเดือนกุมภาพันธ์ 2535 ยอมให้โจทก์ปรับอัตราดอกเบี้ยได้ และไม่ตัดสิทธิโจทก์ที่จะเรียกให้ชำระหนี้ทั้งหมดหรือแต่บางส่วนจำเลยยังจดทะเบียนจำนองที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.) เลขที่ 2797 ตำบลมะกอก อำเภอป่าซาง จังหวัดลำพูนพร้อมสิ่งปลูกสร้างไว้กับโจทก์เพื่อเป็นประกันหนี้ จำเลยได้รับเงินที่กู้ไปแล้วแต่ไม่ผ่อนชำระหนี้แก่โจทก์ โจทก์มีหนังสือทวงถามและบอกกล่าวบังคับจำนองแก่จำเลยโดยส่งทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับ แต่ส่งให้จำเลยไม่ได้จึงประกาศหนังสือพิมพ์สายกลางแจ้งให้จำเลยทราบแล้ว นับถึงวันฟ้อง จำเลยยังค้างชำระเงินต้นจำนวน 1,498,415.56 บาท ดอกเบี้ย 841,040.60 บาทขอให้บังคับจำเลยชำระเงินจำนวน 2,339,456.16 บาท แก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ18 ต่อปี จากต้นเงินจำนวน 1,498,415.56 บาท นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ หากไม่ชำระให้ยึดที่ดิน ตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์เลขที่ 2797 ตำบลมะกอก อำเภอป่าซาง จังหวัดลำพูน พร้อมสิ่งปลูกสร้างออกขายทอดตลาดชำระหนี้แก่โจทก์ หากได้เงินไม่พอชำระหนี้ให้ยึดทรัพย์สินอื่นของจำเลยออกขายทอดตลาดชำระหนี้แก่โจทก์จนครบ
จำเลยให้การว่า ไม่เคยทำสัญญากู้เงินจากโจทก์ และไม่เคยรับเงินที่กู้จำนวน 1,500,000 บาท ลายมือชื่อจำเลยในสัญญากู้เป็นลายมือชื่อปลอมจำเลยไม่เคยนำที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างตามฟ้องไปจดทะเบียนจำนองไว้แก่โจทก์และไม่เคยมอบอำนาจให้นายเทพอวยชัย พลขันธ์หรือบุคคลใดไปทำสัญญาจำนองที่ดินไว้แก่โจทก์ ลายมือชื่อจำเลยในหนังสือมอบอำนาจเป็นลายมือชื่อปลอม ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาโจทก์มีว่า จำเลยได้ทำสัญญากู้เงินและรับเงินจากโจทก์และจดทะเบียนจำนองที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างตามฟ้องเป็นประกันเงินกู้ดังกล่าวแก่โจทก์หรือไม่ โจทก์มีพยาน2 ปาก คือนางเยาวนิตย์ ตรงดี ผู้รับมอบอำนาจจากโจทก์และนายปัญญาจักวัฒนาพานิช ซึ่งเป็นพยานในหนังสือสัญญากู้เงินเป็นพยานเบิกความประกอบเอกสารหนังสือสัญญากู้เงิน บันทึกข้อตกลงต่อท้ายสัญญากู้เงินสัญญาจำนองที่ดินเป็นประกันและข้อตกลงต่อท้ายสัญญาจำนองเป็นประกันโดยเบิกความไปตามข้อความที่ระบุในเอกสารดังกล่าวว่า จำเลยได้กู้เงินและรับเงินไปจากโจทก์และมอบอำนาจให้จดทะเบียนจำนองที่ดินเป็นประกันเงินกู้ดังกล่าวแล้วผิดนัดไม่ชำระเงินกู้และดอกเบี้ยรวมเป็นจำนวนเงินตามฟ้องแก่โจทก์เห็นว่า เมื่อจำเลยให้การปฏิเสธว่าจำเลยไม่เคยทำหนังสือสัญญากู้เงินและรับเงินจากโจทก์ไม่ได้มอบอำนาจให้ผู้ใดไปจดทะเบียนจำนองที่ดินรวมทั้งทำหนังสือสัญญาจำนองที่ดินเป็นประกันเงินกู้ตามฟ้อง ลายมือชื่อผู้กู้ในหนังสือสัญญากู้เงินและในใบมอบอำนาจดังกล่าวไม่ใช่ลายมือชื่อของจำเลยแต่เป็นลายมือชื่อปลอมภาระการพิสูจน์ในปัญหานี้ จึงตกอยู่แก่โจทก์ที่มีหน้าที่ต้องนำสืบให้ได้ความตามประเด็นที่กล่าวอ้างมาในคำฟ้อง แต่นางเยาวนิตย์กลับเบิกความตอบทนายจำเลยถามค้านว่า พยานไม่ได้รู้เห็นเกี่ยวข้องกับการทำสัญญากู้เงิน ไม่ทราบว่า จำเลยลงลายมือชื่อในสัญญากู้เงินและได้รับเงินที่กู้หรือไม่ และไม่ทราบว่าลายมือชื่อผู้มอบอำนาจให้จำนองที่ดินพิพาทเป็นลายมือชื่อของจำเลยหรือไม่ ส่วนนายปัญญาพยานโจทก์อีกปากหนึ่งก็เบิกความทำนองเดียวกันว่าจำเลยไม่ได้ลงชื่อผู้กู้ต่อหน้าพยาน จึงไม่ยืนยันว่า ลายมือชื่อผู้กู้ในสัญญากู้เงินเป็นลายมือชื่อของจำเลยหรือไม่และไม่ทราบว่า จำเลยจะได้รับเงินกู้ไปแล้วหรือไม่ และไม่ทราบว่าลายมือชื่อผู้มอบอำนาจในสำเนาหนังสือมอบอำนาจให้จำนองที่ดิน เป็นลายมือชื่อของจำเลยหรือไม่ส่วนนายนฤเดช ไทยธรรมกุล ผู้ช่วยผู้จัดการสาขาของโจทก์ซึ่งเป็นประจักษ์พยานสำคัญโดยเป็นผู้พิจารณาให้จำเลยกู้เงินและเป็นผู้จัดทำสัญญากู้เงินทั้งหมดโดยตรงโจทก์กลับไม่นำหรือขอให้ศาลออกหมายเรียกให้มาเบิกความยืนยันให้ได้ความตามข้อกล่าวอ้างของโจทก์ พยานหลักฐานของโจทก์เพียงเท่าที่นำสืบมาจึงไม่มีน้ำหนักให้รับฟังว่า ลายมือชื่อในช่องผู้กู้ในสำเนาหนังสือกู้เงินและลายมือชื่อผู้มอบอำนาจในสำเนาหนังสือมอบอำนาจเป็นลายมือชื่อของจำเลย จึงรับฟังไม่ได้ว่า จำเลยได้ทำสัญญากู้เงินและรับเงินไปจากโจทก์รวมทั้งได้มอบอำนาจให้นายเทพอวยชัยพลขันธ์ จดทะเบียนจำนองที่ดินตามฟ้องเป็นประกันเงินกู้ดังกล่าวแก่โจทก์ เห็นว่าเมื่อภาระการพิสูจน์ตกโจทก์แต่พยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบรับฟังไม่ได้โจทก์ย่อมตกเป็นฝ่ายแพ้คดีโดยไม่จำต้องชั่งน้ำหนักคำเบิกความของพยานฝ่ายจำเลยที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษายกฟ้องโจทก์มานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน