คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5404/2539

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

สัญญาเช่านาระหว่างโจทก์กับจำเลยที่15ครบกำหนดวันที่13กรกฎาคม2534จำเลยที่15ผู้ให้เช่ามีหนังสือบอกเลิกการเช่ามาถึงโจทก์ผู้เช่าโจทก์ได้รับหนังสือวันที่4มิถุนายน2533แต่การประชุมของคชก.จังหวัดปทุมธานีเมื่อวันที่18มีนาคม2534เพิ่งได้มีการกำหนดให้วันที่1มิถุนายนของทุกปีเป็นวันเริ่มต้นฤดูการทำนาแห่งท้องถิ่นของจังหวัดปทุมธานีซึ่งเป็นเวลาภายหลังจากที่โจทก์ได้รับหนังสือบอกเลิกการเช่าแล้วดังนั้นขณะที่จำเลยที่15มีหนังสือบอกเลิกการเช่าถึงเวลาโจทก์ได้รับหนังสือบอกเลิกการเช่าจึงยังไม่มีวันเริ่มต้นฤดูการทำนาแห่งท้องถิ่นที่จะใช้สำหรับนับระยะเวลาในการบอกเลิกการเช่าการที่จำเลยที่15ทำหนังสือบอกเลิกการเช่านาซึ่งโจทก์ได้รับในช่วงต้นฤดูการทำนาก่อนสิ้นระยะเวลาการเช่าเกินกว่าหนึ่งปีจึงชอบด้วยกฎหมายโจทก์จะนำวันเริ่มต้นฤดูการทำนาแห่งท้องถิ่นที่กำหนดขึ้นภายหลังมาลบล้างผลแห่งการบอกเลิกสัญญาที่เกิดขึ้นเสร็จสิ้นสมบูรณ์อยู่ก่อนแล้วให้เสียไปหาได้ไม่ ตามพระราชบัญญัติการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรมพ.ศ.2524มาตรา37มิได้กำหนดให้ผู้เช่าต้องบอกรายละเอียดตามมาตรา37(1)(4)ไว้ในหนังสือบอกเลิกการเช่าหากแต่เหตุผลดังกล่าวต้องแสดงต่อคชก.ตำบลเมื่อได้ส่งหนังสือบอกเลิกการเช่ากับผู้เช่าแล้วและปรากฏว่าแม้จำเลยที่15มิได้บอกเหตุผลตามที่ระบุไว้ใน(1)-(4)ของมาตรา37ไว้ในเอกสารหมายจ.6ก็ตามแต่จำเลยที่15ก็ได้มีหนังสือถึงประธานคชก.ตำบลลำลูกกาและสำเนาหนังสือบอกเลิกการเช่านาให้ทราบแล้วซึ่งเมื่อคชก.ตำบลลำลูกกาทราบได้มีการประชุมของคชก.ตำบลลำลูกกาเมื่อวันที่22สิงหาคม2533โดยได้มีมติให้โจทก์อยู่ในที่เช่าได้ต่อไปจำเลยที่15จึงได้อุทธรณ์คำวินิจฉัยของคชก.ตำบลลำลูกกาต่อทางคชก.จังหวัดปทุมธานีเมื่อวันที่19กันยายน2533โดยได้ชี้แจงในอุทธรณ์คำวินิจฉัยของคชก.ตำบลลำลูกกาและนำสืบด้วยว่าจะใช้ที่ดินแปลงดังกล่าวเพื่อประกอบเกษตรกรรมด้วยตนเองตามความเหมาะสมจึงฟังได้ว่าการบอกเลิกการเช่าของจำเลยที่15ชอบด้วยมาตรา37แล้ว

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานีและเป็นประธานคณะกรรมการการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรมประจำจังหวัดปทุมธานี (คชก.จังหวัดปทุมธานี) โดยตำแหน่งจำเลยที่ 2 ถึงที่ 14 เข้าร่วมประชุม คชก.จังหวัดปทุมธานีครั้งที่ 4/2534 โจทก์ได้เช่าที่ดินโฉนดเลขที่ 844 ตำบลลำลูกกาอำเภอลำลูกกา จังหวัดปทุมธานี จากจำเลยที่ 15 เพื่อทำนาทำสัญญาเช่าครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม 2528 มีกำหนด5 ปี นับตั้งแต่วันที่ 13 กรกฎาคม 2528 เมื่อต้นเดือนสิงหาคม2533 โจทก์ได้รับแจ้งจากคณะกรรมการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรมประจำตำบลลำลูกกา (คชก.ตำบลลำลูกกา)ว่า จำเลยที่ 15 มีหนังสือบอกเลิกการเช่านาต่อโจทก์เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม 2533 แต่โจทก์ไม่เคยได้รับหนังสือดังกล่าว คชก.ตำบลลำลูกกา พิจารณาแล้วมีคำวินิจฉัยให้โจทก์เช่าต่อไปอีก 6 ปี นับแต่วันที่ 13กรกฎาคม 2533 จำเลยที่ 15 อุทธรณ์ต่อ คชก.จังหวัดปทุมธานีคชก.จังหวัดปทุมธานีมีคำวินิจฉัยกลับคำวินิจฉัยของ คชก.ตำบลลำลูกกา โดยอ้างเหตุผลว่า จำเลยที่ 15 ได้บอกเลิกการเช่านาถูกต้องตามมาตรา 37(2) แห่งพระราชบัญญัติการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. 2524 คำวินิจฉัยดังกล่าวไม่ชอบด้วยกฎหมายเพราะจำเลยที่ 15 บอกเลิกการเช่านาไม่ครบ 1 ปี และมิได้แจ้งเหตุผลในการบอกเลิกการเช่า ขอให้เพิกถอนคำวินิจฉัยของจำเลยที่ 1ถึงที่ 14 ในฐานะ คชก.จังหวัดปทุมธานี ในการประชุมครั้งที่4/2534 เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2534 ระเบียบวาระที่ 4 เกี่ยวกับการเช่านาพิพาทเสีย ให้โจทก์เป็นผู้เช่านาโฉนดเลขที่ 844ตำบลลำลูกกา อำเภอลำลูกกา จังหวัดปทุมธานี จากจำเลยที่ 15มีกำหนด 6 ปี นับแต่วันที่ 13 กรกฎาคม 2533
ในระหว่างพิจารณา ศาลชั้นต้นจำหน่ายคดีเกี่ยวกับจำเลยที่ 7ที่ 10 และที่ 13 ออกจากสารบบความ
จำเลยที่ 1 ถึงที่ 6 ที่ 8 ที่ 9 ที่ 11 ที่ 12 ที่ 14 และที่ 15 ให้การทำนองเดียวกันว่า ในการประชุมครั้งที่ 4/2534เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2534 คชก.จังหวัดปทุมธานีมีคำวินิจฉัยกลับคำวินิจฉัยของ คชก.ตำบลลำลูกกาที่วินิจฉัยให้โจทก์เช่านาพิพาทของจำเลยที่ 15 ต่อไปได้อีก 6 ปี นับแต่วันครบกำหนดการเช่าเนื่องจากพระราชบัญญัติการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. 2524มาตรา 26 บัญญัติว่า การเช่าที่นาให้มีกำหนดอายุเวลา 6 ปีการเช่านารายใดที่ทำไว้โดยไม่มีกำหนดเวลาหรือมีแต่ต่ำกว่า6 ปี ให้ถือว่าการเช่ารายนั้นมีกำหนดเวลา 6 ปี ดังนี้ สัญญาเช่าที่ดินเพื่อทำนาระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 15 ฉบับลงวันที่13 กรกฎาคม 2528 ซึ่งมีระยะเวลาการเช่าต่ำกว่า 6 ปี จึงต้องขยายเวลาออกไปจากเดิมอีก 1 ปี จึงครบกำหนดระยะเวลาการเช่าในวันที่ 13 กรกฎาคม 2534 จำเลยที่ 15 ได้มีหนังสือบอกเลิกสัญญาเช่านาเมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม 2533 โจทก์ได้รับหนังสือเมื่อวันที่ 4 มิถุนายน 2533 จึงบอกเลิกล่วงหน้าก่อนสัญญาเช่านาครบกำหนด และก่อนวันเริ่มต้นฤดูทำนาปีสุดท้ายซึ่ง คชก.จังหวัดปทุมธานีกำหนดให้ตรงกับวันที่ 1 มิถุนายน ของทุกปี ไม่น้อยกว่า1 ปี และจำเลยที่ 15 ได้ส่งสำเนาการบอกเลิกการเช่าที่ดินพิพาทพร้อมทั้งแสดงเหตุแห่งการบอกเลิกการเช่าเนื่องจากจำเลยที่ 15มีความประสงค์จะใช้ที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ทำสวน) เป็นการบอกเลิกการเช่านาโดยชอบด้วยกฎหมายแล้ว ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้น พิพากษายก ฟ้อง
โจทก์ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ ภาค 2 พิพากษายืน
โจทก์ ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติว่า สัญญาเช่านาระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 15 ครบกำหนดวันที่ 13 กรกฎาคม 2534จำเลยที่ 15 ผู้ให้เช่ามีหนังสือบอกเลิกการเช่ามาถึงโจทก์ผู้เช่า โจทก์ได้รับหนังสือวันที่ 4 มิถุนายน 2533 ปัญหาต้องวินิจฉัยว่า จำเลยที่ 5 บอกเลิกการเช่านาชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ในปัญหานี้ตามพระราชบัญญัติการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ.2524 มาตรา 37 บัญญัติเงื่อนไขวิธีการบอกเลิกสัญญาไว้ว่าให้ผู้เช่าบอกเลิกการเช่าเป็นหนังสือให้ผู้เช่าทราบล่วงหน้าเป็นเวลาไม่น้อยกว่าหนึ่งปี ซึ่งมาตรา 5 แห่งพระราชบัญญัตินี้ได้นิยามความหมายคำว่า ปีไว้ว่า ระยะเวลาสิบสองเดือนโดยเริ่มนับตั้งแต่วันเริ่มต้นฤดูการประกอบเกษตรกรรมแห่งท้องถิ่น ที่โจทก์อ้างว่าคชก.จังหวัดปทุมธานีได้กำหนดให้วันที่ 1 มิถุนายน ของทุกปีเป็นวันเริ่มต้นฤดูการประกอบเกษตรกรรมแห่งท้องถิ่นที่จำเลยที่ 15จะบอกเลิกสัญญาแก่โจทก์ปรากฏตามบันทึกการประชุมของคชก.จังหวัดปทุมธานี เมื่อวันที่ 7 เมษายน 2532 การบอกเลิกการเช่าของจำเลยที่ 15 จึงไม่ชอบนั้น เห็นว่า ตามบันทึกการประชุมดังกล่าวเป็นการหารือกันในที่ประชุม คชก.จังหวัดปทุมธานี โดยมีการพิจารณาเป็นรายกรณีเฉพาะเรื่อง มิใช่เป็นการกำหนดหรือประกาศของคชก.จังหวัดปทุมธานีเพื่อกำหนดระยะเวลาเริ่มต้นฤดูการทำนาแห่งท้องถิ่นตามอำนาจหน้าที่ดังที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัติการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. 2524 มาตรา 8(5) แต่การประชุมของคชก.จังหวัดปทุมธานีครั้งที่ 1/2534 เมื่อวันที่ 18 มีนาคม 2534ตามเอกสารหมาย จ.12 เพิ่งได้มีการกำหนดให้วันที่ 1 มิถุนายนของทุกปีเป็นวันเริ่มต้นฤดูทำนาแห่งท้องถิ่นของจังหวัดปทุมธานีซึ่งเป็นเวลาภายหลังจากที่โจทก์ได้รับหนังสือบอกเลิกการเช่าแล้วดังนั้น ขณะที่จำเลยที่ 15 มีหนังสือบอกเลิกการเช่าถึงเวลาโจทก์ได้รับหนังสือบอกเลิกการเช่าจึงยังไม่มีวันเริ่มต้นฤดูการทำนาแห่งท้องถิ่นที่จะใช้สำหรับนับระยะเวลาในการบอกเลิกการเช่าการที่จำเลยที่ 15 ทำหนังสือบอกเลิกการเช่านาซึ่งโจทก์ได้รับในช่วงต้นฤดูการทำนา ก่อนสิ้นระยะเวลาการเช่าเกินกว่าหนึ่งปีจึงชอบด้วยกฎหมายโจทก์จะนำวันเริ่มต้นฤดูการทำนาแห่งท้องถิ่นที่กำหนดขึ้นมาภายหลังมาลบล้างผลแห่งการบอกเลิกสัญญาที่เกิดขึ้นเสร็จสิ้นสมบูรณ์อยู่ก่อนแล้วให้เสียไปหาได้ไม่ส่วนที่โจทก์ฎีกาว่า จำเลยที่ 15 มิได้ปฏิบัติตามพระราชบัญญัติการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. 2524 มาตรา 37 กล่าวคือ จำเลยที่ 15 มิได้บอกรายละเอียดว่าจะนำที่ดินไปใช้ประโยชน์อย่างไร และกำหนดไว้ในหนังสือบอกเลิกการเช่าตามเอกสารหมาย จ.6 นั้น เห็นว่าข้อกฎหมายเกี่ยวกับเรื่องนี้มิได้กำหนดให้ผู้เช่าต้องบอกรายละเอียดตามมาตรา 37(1)-(4) ไว้ในหนังสือบอกกล่าวหากแต่เหตุผลดังกล่าวต้องแสดงต่อ คชก.ตำบล เมื่อได้ส่งหนังสือบอกเลิกการเช่ากับผู้เช่าแล้ว และปรากฏจากข้อเท็จจริงในคดีนี้ว่าแม้จำเลยที่ 15มิได้บอกเหตุผลตามที่ระบุไว้ใน (1)-(4) ของมาตรา 37 ไว้ในเอกสารหมาย จ.6 ก็ตามแต่จำเลยที่ 15 มิได้มีหนังสือถึงประธานคชก.ตำบลลำลูกกาและสำเนาหนังสือบอกเลิกการเช่านาให้ทราบแล้วซึ่งเมื่อ คชก.ตำบลลำลูกกาทราบได้มีการประชุมของ คชก.ตำบลลำลูกกา เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2533 โดยได้มีมติให้โจทก์อยู่ในที่เช่าได้ต่อไป จำเลยที่ 15 จึงได้อุทธรณ์คำวินิจฉัยของคชก.ตำบลลำลูกกา ต่อทาง คชก.จังหวัดปทุมธานี เมื่อวันที่19 กันยายน 2533 ตามเอกสารหมาย จ.9 โดยได้ชี้แจงในอุทธรณ์คำวินิจฉัยของคชก.ตำบลลำลูกกาและนำสืบด้วยว่าจะใช้ที่ดินแปลงดังกล่าวเพื่อประกอบเกษตรกรรมด้วยตนเองตามความเหมาะสมจึงฟังได้ว่าการบอกเลิกการเช่าของจำเลยที่ 15 ชอบด้วยพระราชบัญญัติการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. 2524 มาตรา 37 แล้ว
พิพากษายืน

Share