คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 54/2528

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความผิดฐานกระทำอนาจาร เช่น จับต้องของสงวนก่อนข่มขืนกระทำชำเราก็เป็นความผิดกรรมเดียวกับความผิดฐานข่มขืนกระทำชำเรา ดังนั้น เมื่อศาลพิพากษาลงโทษจำเลยในข้อหากระทำอนาจาร คดีถึงที่สุดแล้ว สิทธินำคดีอาญามาฟ้องจำเลยในข้อหาข่มขืนกระทำชำเราย่อมระงับไป

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๒๗๖, ๒๘๑, ๘๓
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยทั้งสองมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๒๗๖ วรรคสอง
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า โจทก์บรรยายฟ้องคดีนี้ว่า จำเลยทั้งสองร่วมกันข่มขืนกระทำชำเรานางสาวสมนึกผู้เสียหายโดยใช้กำลังประทุษร้ายและใช้อาวุธปืนขู่เข็ญจนผู้เสียหายอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้ แล้วผลัดเปลี่ยนกันข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหาย อันมีลักษณะเป็นการโทรมหญิง ปรากฏว่าอัยการศาลทหารกรุงเทพ (อัยการจังหวัดสระบุรี) เป็นโจทก์ฟ้องจำเลยทั้งสองในคดีนี้ ตามคดีอาญาหมายเลขแดงที่ ๔๓๕/๒๕๒๓ ของศาลทหารกรุงเทพ (ศาลจังหวัดสระบุรี) โดยได้บรรยายฟ้องไว้และศาลทหารกรุงเทพ (ศาลจังหวัดสระบุรี) รับฟังข้อเท็จจริงเป็นยุติว่า ในวันเวลาเดียวกันกับวันเวลาที่เกิดเหตุคดีนี้ และสถานที่เกิดเหตุที่เดียวกัน จำเลยทั้งสองร่วมกันกระทำอนาจารแก่ผู้เสียหายกับพวก โดยใช้กำลังประทุบร้ายและขู่เข็ญว่าในทันใดนั้นจะใช้กำลังประทุษร้าย จนผู้เสียหายอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้ โดยจำเลยทั้งสองกับพวกช่วยกันฉุดดึงผู้เสียหายขึ้นไปบนบ้านพักครู แล้วจำเลยทั้งสองได้ร่วมกันกอดปล้ำกระทำอนาจารจับนมและของลับเพื่อจะกระทำชำเราต่อไป ศาลทหารดังกล่าวพิพากษาลงโทษจำเลยทั้งสองฐานกระทำอนาจารแก่ผู้เสียหายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๗๘ คดีถึงที่สุดแล้ว ข้อหากระทำอนาจารตามคดีอาญาหมายเลขแดงที่ ๔๓๕/๒๕๒๓ ของศาลทหารกรุงเทพ (ศาลจังหวัดสระบุรี) จึงเกิดขึ้นต่อเนื่องกับข้อหาข่มขืนกระทำชำเราในคดีนี้ กล่าวคือ เมื่อจำเลยทั้งสองฉุดดึงผู้เสียหายขึ้นไปบนบ้านพักครูและร่วมกันกอดปล้ำจับนมกระทำอนาจารต่อผู้เสียหายตามที่โจทก์ฟ้องในคดีศาลทหารดังกล่าว แล้วก็ข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายที่บ้านพักครูในระยะเวลาติดต่อกันตามที่โจทก์ฟ้องคดีนี้ เห็นว่าความผิดฐานกระทำอนาจาร เช่นจับต้องของสงวนก่อนข่มขืนกระทำชำเราก็เป็นความผิดกรรมเดียวกับความผิดฐานข่มขืนกระทำชำเรา การกระทำอนาจารและการข่มขืนกระทำชำเราของจำเลยที่กระทำต่อผู้เสียหายจึงเป็นความผิดกรรมเดียวกัน เมื่อศาลทหารกรุงเทพ (ศาลจังหวัดสระบุรี) พิพากษาลงโทษจำเลยทั้งสองในข้อหากระทำอนาจาร คดีถึงที่สุดแล้ว สิทธินำคดีนี้มาฟ้องย่อมระงับไปตามมาตรา ๓๙ แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
พิพากษายืน.

Share