คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5398/2539

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

พระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาลพ.ศ.2482ตามนัยมาตรา58วรรคแรกเมื่อศาลได้รับคำร้องคัดค้านการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาลแล้วให้ดำเนินการพิจารณาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งโดยเร็วโดยให้เจ้าหน้าที่ผู้ดำเนินการเลือกตั้งที่มีส่วนได้เสียมีโอกาสต่อสู้การคัดค้านนั้นเมื่อศาลสั่งอย่างใดให้แจ้งคำสั่งไปยังเทศบาลโดยมิชักช้าคำสั่งศาลนั้นให้เป็นที่สุดดังนั้นเมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้องของผู้ร้องคำสั่งของศาลชั้นต้นจึงถือที่สุดและผู้ร้องไม่มีสิทธิอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าวต่อไปตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา223ที่กำหนดในเรื่องการอุทธรณ์ไว้ว่าคำพิพากษาหรือคำสั่งนั้นประมวลกฎหมายนี้หรือกฎหมายอื่นจะได้บัญญัติว่าให้เป็นที่สุด

ย่อยาว

ผู้ร้องทั้งห้ายื่นคำร้องว่า เมื่อวันที่ 9 เมษายน 2538ทางราชการได้ดำเนินการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาลเมืองสระแก้วจังหวัดสระแก้ว โดยกำหนดให้มีสมาชิกได้ 18 คน ผู้ร้องทั้งห้าเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งหมายเลข 23, 34, 24, 32 และ 30 ตามลำดับการเลือกตั้งดังกล่าวทางราชการได้กำหนดให้มีหน่วยเลือกตั้งทั้งหมด 11 หน่วย มีผู้สมัครรับเลือกตั้ง 41 คน ผู้คัดค้านทั้งห้าเป็นผู้ได้รับการเลือกตั้งอันดับที่ 13 และ 15 ถึง 18โดยผู้คัดค้านทั้งห้าได้คะแนนมากกว่าผู้ร้องทั้งห้าเพราะเจ้าพนักงานผู้ดำเนินการเลือกตั้ง กรรมการตรวจคะแนนและเจ้าหน้าที่คะแนนประจำหน่วยเลือกตั้งทั้ง 11 หน่วย ปฏิบัติหน้าที่ไม่ถูกต้องวินิจฉัยและขานคะแนนบัตรดีว่าเป็นบัตรเสีย ทำให้ผู้ร้องทั้งห้าได้คะแนนน้อยลดลงคนละไม่น้อยกว่า 334 คะแนน ซึ่งความจริงผู้ร้องทั้งห้าควรได้คะแนนสูงกว่าผู้คัดค้านทั้งห้า และได้รับการเลือกตั้ง ขอให้ศาลมีคำสั่งไต่สวนคำร้องของผู้ร้องทั้งห้าและมีคำสั่งให้ผู้คัดค้านทั้งห้าเป็นผู้มิได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาเทศบาลเมืองสระแก้วโดยชอบ หรือมีคำสั่งว่าผู้ร้องทั้งห้าได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาเทศบาลเมืองสระแก้วโดยชอบ หรือมีคำสั่งว่าไม่มีบุคคลใดได้รับเลือกตั้งโดยชอบในอันดับที่ 13 และ 15 ถึง 18 ของผู้ได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาเทศบาลเมืองสระแก้ว และให้มีการเลือกตั้งใหม่เฉพาะสมาชิกสภาเทศบาลเมืองสระแก้วที่ถูกคัดค้านว่าเป็นผู้ได้รับเลือกตั้งโดยมิชอบ
ผู้คัดค้านทั้งห้ายื่นคำคัดค้านว่า คำร้องของผู้ร้องทั้งห้าไม่ได้บรรยายว่าเจ้าพนักงานผู้ดำเนินการเลือกตั้ง กรรมการตรวจคะแนนและเจ้าหน้าที่คะแนนคนใดหรือทุกคนได้ร่วมกันอ่านบัตรลงคะแนนเลือกตั้งผิดไปจากความเป็นจริงในหน่วยเลือกตั้งใด หรือผู้ใดวินิจฉัยคะแนนหรือนับคะแนนในหน่วยเลือกตั้งใดที่ผิดไปจากข้อเท็จจริงอันทำให้ผู้ร้องทั้งห้าไม่ได้รับการเลือกตั้ง และมิได้บรรยายให้ชัดแจ้งซึ่งสภาพแห่งข้อหาและข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหา ทำให้ผู้คัดค้านทั้งห้าไม่อาจยื่นคำคัดค้านได้ตรงกับรูปคดี คำร้องของผู้ร้องทั้งห้าจึงเคลือบคลุมและคำขอบังคับไม่อาจบังคับได้ ขอให้ยกคำร้อง
ระหว่างไต่สวนคำร้อง ผู้คัดค้านทั้งห้ายื่นคำร้องขอให้ศาลวินิจฉัยชี้ขาดข้อกฎหมายเบื้องต้น ผู้ร้องทั้งห้าคัดค้าน
ศาลชั้นต้นเห็นว่าคดีพอวินิจฉัยชี้ขาดได้แล้ว จึงให้งดไต่สวนคำร้อง แล้วมีคำสั่งยกคำร้องของผู้ร้องทั้งห้า
ผู้ร้อง ทั้ง ห้า อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายกอุทธรณ์ของผู้ร้องทั้งห้า
ผู้ร้อง ทั้ง ห้า ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า มีปัญหาว่า ศาลอุทธรณ์ภาค 1 ไม่รับวินิจฉัยและยกอุทธรณ์ของผู้ร้องทั้งห้าชอบหรือไม่ เห็นว่า พระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาล พ.ศ. 2482 ตามนัยมาตรา 58 วรรคแรกเมื่อศาลได้รับคำร้องคัดค้านการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาลแล้วให้ดำเนินการพิจารณาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งโดยเร็วโดยให้เจ้าหน้าที่ผู้ดำเนินการเลือกตั้งที่มีส่วนได้เสียมีโอกาสต่อสู้การคัดค้านนั้น เมื่อศาลสั่งอย่างใดให้แจ้งคำสั่งไปยังเทศบาลโดยมิชักช้า คำสั่งศาลนั้นให้เป็นที่สุด ดังนั้นเมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้องของผู้ร้องทั้งห้า คำสั่งของศาลชั้นต้นจึงถึงที่สุด และผู้ร้องทั้งห้าไม่มีสิทธิอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าวต่อไป ตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 223ที่กำหนดในเรื่องการอุทธรณ์ไว้ว่า คำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลชั้นต้นให้ยื่นอุทธรณ์ต่อศาลอุทธรณ์ เว้นแต่คำพิพากษาหรือคำสั่งนั้นประมวลกฎหมายนี้หรือกฎหมายอื่นจะได้บัญญัติว่าให้เป็นที่สุด ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 ไม่รับวินิจฉัยอุทธรณ์ของผู้ร้องทั้งห้าชอบแล้ว ฎีกาของผู้ร้องทั้งห้าข้อนี้ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน

Share