คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5398/2537

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่จำเลยมีชื่อถือกรรมสิทธิ์ในโฉนดที่ดินโดยมีหลักฐานการรับโอนมาด้วยการซื้อขาย ซึ่งในเบื้องต้นต้องสันนิษฐานว่าจำเลยเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์เหนือที่ดินและบ้าน โจทก์จึงมีภาระการพิสูจน์ เมื่อโจทก์ไม่มีพยานหลักฐานมาพิสูจน์หักล้างพยานหลักฐานของจำเลย เช่นนี้ ต้องฟังว่าจำเลยเป็นเจ้าของที่ดินและบ้านดังกล่าว

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นภรรยาโดยชอบด้วยกฎหมายของนายบุญชูเพียรพานิช จำเลยเป็นภรรยาอีกคนหนึ่งของนายบุญชูแต่มิได้จดทะเบียนสมรสกัน นายบุญชูถึงแก่กรรมเมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2529โดยมิได้ทำพินัยกรรมยกทรัพย์มรดกให้แก่ผู้ใด ทั้งนายบุญชูไม่มีทายาทอื่นนอกจากโจทก์ โจทก์จึงมีสิทธิได้รับมรดกทั้งหมดของนายบุญชูแต่เพียงผู้เดียว ขอให้บังคับจำเลยส่งมอบที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างและแก้ชื่อในโฉนดที่ดินเลขที่ 20685เลขที่ดิน 6985 ตำบลวัดชลอ (บางกรวย) อำเภอบางกรวย (บางใหญ่)จังหวัดนนทบุรี และรถยนต์เบนซ์ 190 อี หมายเลขทะเบียน อ.7-0002(ที่ถูกต้องคือ อ.17-0002) กรุงเทพมหานคร เป็นชื่อโจทก์หากไม่ส่งมอบให้ชดใช้เป็นเงิน 2,470,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ และให้จำเลยชำระเงินที่ได้จากการโอนขายที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง โฉนดที่ดินเลขที่ 58868เลขที่ดิน 2052 ตำบลสวนหลวง (พระโขนงใต้) อำเภอพระโขนงกรุงเทพมหานคร เป็นเงิน 671,860 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยให้การว่า โจทก์มิใช่ทายาทโดยธรรม ไม่มีส่วนได้เสียในทรัพย์มรดกของนายบุญชู ไม่มีสิทธิได้รับมรดกของนายบุญชูที่ดินโฉนดเลขที่ 20685 ตำบลวัดชลอ อำเภอบางกรวย จังหวัดนนทบุรีพร้อมสิ่งปลูกสร้างบ้านเลขที่ 20/6 ในที่ดินดังกล่าวกับที่ดินโฉนดเลขที่ 58868 ตำบลสวนหลวง อำเภอพระโขนง กรุงเทพมหานครพร้อมสิ่งปลูกสร้างเป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลย รถยนต์เบนซ์คันหมายเลขทะเบียน อ.17-0002 กรุงเทพมหานคร เป็นของนายบุญชูจริงแต่เป็นทรัพย์ที่นายบุญชูได้มาหลังจากที่มิได้อยู่กินกับโจทก์แล้วโดยนายบุญชูซื้อมาเมื่อประมาณปี 2527 โจทก์ไม่มีสิทธิในรถคันดังกล่าวจำเลยมิได้ทำละเมิดต่อโจทก์ ฟ้องโจทก์เคลือบคลุมโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยส่งมอบรถยนต์ยี่ห้อเบนซ์ 190 อีหมายเลขทะเบียน อ.7-0002 (ที่ถูกต้องคือ อ.17-0002) กรุงเทพมหานครแก่โจทก์ หากไม่สามารถส่งมอบได้ก็ให้จำเลยชดใช้ราคา 470,000 บาทพร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันฟ้องจนกว่าชำระเสร็จ คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยชดใช้เงินแทนทรัพย์ที่ขายไปแก่โจทก์จำนวน 300,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันฟ้องจนกว่าชำระเสร็จ และให้จำเลยแบ่งทรัพย์อีกอันดับหนึ่งคือที่ดินและสิ่งปลูกสร้างอำเภอบางกรวยให้โจทก์กึ่งหนึ่งโดยให้ประมูลราคากันเองก่อน หากตกลงกันไม่ได้ให้นำออกขายทอดตลาดเหลือเงินเท่าใดให้นำเงินมาชดใช้ให้โจทก์ตามส่วน ในกรณีต้องขายทรัพย์ให้จำเลยชำระดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีในยอดเงินส่วนแบ่งที่โจทก์ได้รับ นับแต่วันฟ้องจนกว่าชำระเสร็จแก่โจทก์ด้วย นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า จำเลยมีชื่อถือกรรมสิทธิ์อยู่ในโฉนดที่ดินโดยมีหลักฐานการรับโอนมาด้วยการซื้อขายซึ่งในเบื้องต้นต้องสันนิษฐานว่าจำเลยเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์เหนือที่ดินและบ้านโจทก์จึงมีภาระการพิสูจน์ แต่โจทก์ก็ไม่มีพยานหลักฐานมาพิสูจน์หักล้างพยานหลักฐานของจำเลย ข้อเท็จจริงจึงต้องรับฟังว่า จำเลยเป็นเจ้าของที่ดินและบ้าน
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้บังคับคดีตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นอุทธรณ์และชั้นฎีกาให้เป็นพับ

Share