แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
แผนที่พิพาทในคดีนี้ ศาลชั้นต้นสั่งให้เจ้าพนักงานทำขึ้นเพื่อประกอบการชี้สองสถาน หาใช่สั่งให้ทำเพราะคู่ความท้ากันขอให้ทำ และขอให้ศาลวินิจฉัยชี้ขาดคดีตามรูปแผนที่ให้เป็นไปตามคำท้าของคู่ความไม่นอกจากนี้เมื่อเจ้าพนักงานได้ทำแผนที่มาแล้วแม้คู่ความจะรับรองว่าแผนที่ถูกต้องก็ตาม แต่ก็ปรากฏว่าคู่ความยังมีข้อโต้เถียงกันเกี่ยวกับเส้นเขตในแผนที่พิพาทอยู่โดยโจทก์ว่าเส้นเขตคือเส้นสีแดงจำเลยว่าเส้นเขตคือเส้นสีดำตามที่จำเลยนำรังวัดและปักหลักไม้ไว้คำรับรองของคู่ความว่าแผนที่ถูกต้องดังกล่าวจึงรับฟังได้เพียงว่าแผนที่ถูกต้องตามรูปที่ดินและเส้นเขตที่พิพาทที่โจทก์จำเลยนำชี้เท่านั้นส่วนเส้นเขตที่พิพาทที่โจทก์จำเลยนำชี้จะถูกต้องตรงตามความเป็นจริงของฝ่ายใดยังไม่เป็นที่ยุติศาลจะรับฟังว่าที่พิพาทอยู่ในเขตโฉนดของโจทก์และตัดสินชี้ขาดคดีไปว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์โดยทันทียังไม่ได้จำเป็นที่ศาลจะต้องฟังพยานหลักฐานอื่นต่อไปให้สิ้นกระแสความเสียก่อนจึงจะวินิจฉัยได้ว่าที่พิพาทเป็นของฝ่ายใด
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ศาลพิพากษาว่าที่ดินพิพาทเป็นของโจทก์ ห้ามจำเลยและบริวารเข้าเกี่ยวข้อง
จำเลยให้การว่า ไม่ได้ชี้รุกล้ำเข้าไปในที่ดินของโจทก์
คู่ความต่างรับรองว่าแผนที่ที่เจ้าพนักงานทำขึ้นถูกต้อง แต่มีข้อโต้เถียงกันเกี่ยวกับเส้นเขตในแผนที่พิพาท โดยโจทก์แถลงว่าเส้นสีแดง จำเลยว่าเส้นเขตคือเส้นสีดำตามที่จำเลยนำรังวัด
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้งดสืบพยาน แล้วพิพากษาว่าที่พิพาทเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์ ฯลฯ
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ยกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นดำเนินการสืบพยาน แล้วพิพากษาใหม่
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า แผนที่พิพาทในคดีนี้เป็นแผนที่ที่ศาลชั้นต้นสั่งให้เจ้าพนักงานทำขึ้นเพื่อประกอบการชี้สองสถาน หาใช่สั่งให้ทำเพราะคู่ความท้ากันขอให้ทำ และขอให้ศาลวินิจฉัยชี้ขาดคดีตามรูปแผนที่ให้เป็นไปตามคำท้าของคู่ความไม่ นอกจากนี้เมื่อเจ้าพนักงานได้ทำแผนที่มาแล้ว แม้คู่ความจะรับรองว่าแผนที่ถูกต้องก็ตาม แต่ก็ปรากฏว่าคู่ความยังมีข้อโต้เถียงกันเกี่ยวกับเส้นเขตในแผนที่พิพาทอยู่ โดยโจทก์ว่าเส้นเขตคือเส้นสีแดง จำเลยว่าเส้นเขตคือเส้นสีดำตามที่จำเลยนำรังวัดและปักหลักไม้ไว้ คำรับรองของคู่ความว่าแผนที่ถูกต้องดังกล่าว จึงรับฟังได้เพียงว่าแผนที่ถูกต้องตามรูปที่ดินและเส้นเขตที่พิพาทที่โจทก์จำเลยนำชี้เท่านั้น ส่วนเส้นเขตที่พิพาทที่โจทก์จำเลยนำชี้จะถูกต้องตรงตามความเป็นจริงของฝ่ายใดยังไม่เป็นที่ยุติ ศาลจะรับฟังว่าที่พิพาทอยู่ในเขตโฉนดของโจทก์และตัดสินชี้ขาดคดีไปว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์โดยทันทียังไม่ได้จำเป็นที่ศาลจะต้องฟังพยานหลักฐานอื่นต่อไปให้สิ้นกระแสความเสียก่อนจึงจะวินิจฉัยได้ว่าที่พิพาทเป็นของฝ่ายใด การที่ศาลชั้นต้นด่วนวินิจฉัยชี้ขาดคดีโดยอาศัยหลักฐานเพียงที่ปรากฏในแผนที่พิพาทอย่างเดียวว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์หาชอบไม่
พิพากษายืน