แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
คดีที่โจทก์ฟ้องขอแบ่งทรัพย์ เมื่อโจทก์ขอถอนคำขอท้ายฟ้องในทรัพย์บางอย่างออกไป เหลือทุนทรัพย์ตามคำขอไม่ถึง 2000 บาท เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น ให้ยกฟ้อง โจทก์ต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริง
การที่จำเลยคัดค้านสิทธิฎีกาของโจทก์ เพราะต้องห้ามเรื่องทุนทรัพย์นั้น จำเลยจะคัดค้านมาในคำแก้ฎีกาหรือทำเป็นคำร้องก็ใช้ได้ ไม่ทำให้เสียไปเพราะศาลฎีกายกขึ้นวินิจฉัยได้เองอยู่แล้ว
โจทก์ฟ้องขอส่วนแบ่งมรดกของตาที่ฝ่ายจำเลยปกครองแทนแต่ไม่มีการโต้เถียงกันในเรื่องความเป็นญาติ หรือสิทธิของโจทก์ที่จะได้รับมรดกในฐานเป็นญาติของตา คงเถียงกันแต่ว่า โจทก์ยังคงมีสิทธิดังเดิมหรือหมดสิทธิไปแล้ว ดังนี้ ถือว่า ไม่เป็นคดีเกี่ยวด้วยสิทธิในครอบครัว
ฎีกาที่อ้างว่าเป็นข้อกฎหมายอันเกิดจากการโต้เถียงข้อเท็จจริง มิใช่รับข้อเท็จจริงตามศาลอุทธรณ์ ถือว่าเป็นฎีกาในข้อเท็จจริง
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอแสดงกรรมสิทธิ์กึ่งหนึ่งในที่ดินมรดกของ น. โดยอ้างว่าได้รับแทนที่นาง อ. มารดาผู้วายชนม์ซึ่งเป็นบุตร น. ซึ่งที่ดินรายนี้ ศ. สามีจำเลยปกครองแทน และให้เพิกถอนการโอนที่ดินซึ่ง ศ. และจำเลยรับโอนมา หากไม่ตกลงให้ประมูลหรือขายทอดตลาดหักใช้ค่าปลงศพให้โจทก์ก่อน 1,000 บาท เหลือนอกนั้นแบ่งให้โจทก์จำเลยคนละครึ่ง ผู้ร้องสอดเข้าเป็นโจทก์ร่วม ขอส่วนแบ่งมรดกของ น. ด้วย ฝ่ายจำเลยต่อสู้หลายประการ
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาต้องกัน ให้ยกฟ้อง
นางสาวสำอาง โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ที่จำเลยยื่นคำร้องขอคัดค้านว่า คดีของโจทก์มีทุนทรัพย์ไม่ถึง 2,000 บาท ฎีกาไม่ได้นั้น คำคัดค้านเช่นนี้จำเลยจะกล่าวรวมมาในคำแก้ฎีกาก็ได้ แต่เมื่อทำเป็นคำร้องมาต่างหากก็ไม่ทำให้เสียไป เพราะเป็นข้อที่ศาลฎีกาอาจหยิบยกขึ้นวินิจฉัยได้เองอยู่แล้ว
คำว่า คดีที่ใช้ในมาตรา 248 ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งนี้ มีปัญหาอยู่เหมือนกันว่า เป็นคดีตั้งแต่ศาลชั้นต้นมาหรือหมายถึงคดีตอนฎีกา ซึ่งบางทีทุนทรัพย์นั้นอาจผิดกันไปได้ แต่คดีนี้ไม่จำเป็นต้องวินิจฉัย เพราะตามคำขอท้ายฟ้องโจทก์ เมื่อโจทก์ขอถอนทรัพย์หมายเลข 4 ออกแล้ว เหลือเป็นเงินที่โจทก์เรียกร้องเพียง 1,985 บาท หาถึงสองพันบาทไม่ การที่มีผู้ร้องสอดเข้ามาเป็นโจทก์ร่วมไม่ทำให้คดีมีทุนทรัพย์เพิ่มขึ้น เพราะผู้ร้องสอดขอถือเอาตามฟ้องของโจทก์เดิม ฉะนั้นไม่ว่าจะถือทุนทรัพย์ของศาลชั้นต้นหรือศาลฎีกา ก็ไม่ถึง 2,000 บาท ฎีกาของโจทก์ไม่มีการรับรอง ทั้งไม่ใช่คดีเกี่ยวด้วยสิทธิตามสภาพบุคคล และจะว่าเป็นคดีเกี่ยวด้วยสิทธิในครอบครัวก็ไม่ได้ เพราะแม้แต่เพียงการโต้เถียงกันในเรื่องความเป็นญาติ หรือสิทธิของโจทก์ที่จะได้รับมรดกในฐานะเป็นญาติของ น. ก็ยังไม่มี แต่เถียงกันว่าโจทก์ยังคงมีสิทธิได้รับอยู่ดังเดิม หรือหมดสิทธิไปแล้วเท่านั้น ฎีกาของโจทก์แม้จะกล่าวในบางตอนว่าเป็นข้อกฎหมาย แต่ก็หาใช่เป็นฎีการับตามข้อเท็จจริง ที่ศาลอุทธรณ์ฟังไว้ไม่ แต่เป็นข้อโต้เถียง ซึ่งอ้างว่าเป็นข้อกฎหมาย อันเกิดจากการเถียงในข้อเท็จจริงจึงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248
พิพากษา ให้ยกฎีกาโจทก์