คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5389/2543

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

การที่กฎหมายบัญญัติบทความผิดและบทลงโทษของความผิดฐาน มีลูกระเบิดซึ่งเป็นเครื่องกระสุนปืนที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ได้ไว้ในครอบครองและความผิดฐานมีกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตไว้คนละมาตราย่อมมีความประสงค์จะแยกความผิดสองฐานนี้ออกจากกัน ทั้งวัตถุของกลางก็เป็นคนละประเภท แม้จำเลยจะมีไว้ในวันเวลาเดียวกันก็เป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 4, 7, 55, 72, 78 พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 4, 7, 26, 76, 102 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33, 91 ริบของกลาง

จำเลยให้การรับสารภาพ

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 7, 72 วรรคสอง, 78 (ที่ถูก 78 วรรคหนึ่งประกอบมาตรา 55) พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 26 วรรคหนึ่ง, 36 (ที่ถูก 76 วรรคหนึ่ง) ฐานมีลูกระเบิดซึ่งเป็นเครื่องกระสุนปืนที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ได้ไว้ในครอบครองและฐานมีกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาต เป็นกรรมเดียวกัน ลงโทษฐานมีลูกระเบิดซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 จำคุก 4 ปี ฐานมีกัญชาไว้ในครอบครอง จำคุก 8 เดือนรวมจำคุก 4 ปี 8 เดือน จำเลยให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณามีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 2 ปี 4 เดือน ริบของกลาง

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ภาค 9 พิพากษาแก้เป็นว่า ฐานมีกัญชาไว้ในครอบครองจำคุก 1 เดือน ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 15 วัน รวม 2 กระทง จำคุก 2 ปี 15 วัน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้น

จำเลยฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งลงชื่อในคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 9 อนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาว่า ความผิดฐานมีลูกระเบิดซึ่งเป็นเครื่องกระสุนปืนที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ได้ไว้ในครอบครองตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ มาตรา 55, 78 วรรคหนึ่ง กับฐานมีกระสุนปืนไว้ครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ มาตรา 7, 72 วรรคสอง เป็นความผิดกรรมเดียวกันนั้น ศาลฎีกาเห็นว่า การที่กฎหมายบัญญัติบทความผิดและบทลงโทษคนละมาตราย่อมมีความประสงค์จะแยกความผิดสองฐานนี้ออกจากกัน ทั้งวัตถุของกลางก็เป็นคนละประเภท แม้จำเลยจะมีไว้ในวันเวลาเดียวกันก็เป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ศาลฎีกาเห็นสมควรแก้ไขปรับบทให้ถูกต้อง แต่เมื่อโจทก์มิได้ฎีกา ศาลฎีกาจึงไม่อาจลงโทษจำเลยฐานมีกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาตอีกกรรมหนึ่งได้เพราะเป็นการพิพากษาเพิ่มเติมโทษจำเลย”

พิพากษาแก้เป็นว่า สำหรับความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 เป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน จำเลยมีความผิดตามมาตรา 55, 78 วรรคหนึ่ง กระทงหนึ่ง และความผิดตามมาตรา 7, 72 วรรคสอง อีกกระทงหนึ่ง โทษจำคุกแต่ละกระทงให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 2 ปี นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 9

Share