คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5385/2544

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ผู้ร้องเป็นเพียงผู้เสียหายมิได้เป็นโจทก์ โจทก์ร่วม หรือพนักงานคุมประพฤติผู้มีอำนาจหน้าที่ทำรายงานเสนอให้ศาลทราบถึงการที่จำเลยผู้ถูกคุมความประพฤติไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขเพื่อคุมความประพฤติตามที่ศาลกำหนดหรือพฤติการณ์ที่เกี่ยวแก่การคุมความประพฤติของจำเลยผู้ถูกคุมความประพฤติเปลี่ยนแปลงไปตาม พ.ร.บ. วิธีดำเนินการคุมความประพฤติตามประมวลกฎหมายอาญา พ.ศ. 2522 มาตรา 15 ผู้ร้องจึงไม่อาจยื่นคำแถลงและคำร้องในเรื่องดังกล่าวต่อศาลได้ การที่ศาลชั้นต้นรับคำแถลงและคำร้องของผู้ร้องดำเนินการไต่สวนพยานหลักฐานและมีคำสั่งจึงเป็นการสั่ง โดยผิดหลงและเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาที่ไม่ชอบ ไม่ได้ปฏิบัติให้เป็นไปตามบทบัญญัติว่าด้วยการพิจารณาคดี ซึ่งปัญหาดังกล่าวเป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกามีอำนาจที่จะหยิบยกขึ้นวินิจฉัยให้เพิกถอน คำสั่งและการดำเนินการพิจารณาของศาลชั้นต้นที่ไม่ชอบเสียได้ ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 195 วรรคสองประกอบด้วยมาตรา 215 และมาตรา 225

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากศาลฎีกาพิพากษาว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๙๒ ลงโทษจำคุกคนละ ๑ เดือน ปรับคนละ ๑,๐๐๐ บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด ๑ ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๕๖ ระหว่างรอการลงโทษจำคุกให้คุมความประพฤติจำเลยทั้งสอง โดยให้จำเลยทั้งสองรายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติทุก ๓ เดือน ไม่ชำระค่าปรับจัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๙, ๓๐ ภายในระยะเวลาที่รอการ ลงโทษ ผู้เสียหายยื่นคำแถลงและคำร้องต่อศาลชั้นต้นว่า จำเลยที่ ๒ ได้กระทำความผิดซ้ำซ้อน ขอให้เรียกจำเลยที่ ๒ มาสอบถามและลงโทษจำเลยที่ ๒ ตามกฎหมาย ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้วมีคำสั่งว่า ยังไม่มีเหตุที่จะเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขเพื่อคุมความประพฤติจำเลยที่ ๒ แต่ตามพฤติการณ์ เห็นว่า จำเลยที่ ๒ กับผู้เสียหายน่าจะมีปัญหาขัดแย้งกันอยู่เรื่อย ๆ จึงให้แจ้งพนักงานคุมประพฤติกำชับจำเลยทั้งสองให้ปฏิบัติตามเงื่อนไขการคุมความประพฤติโดยเคร่งาครัด
ผู้ร้องอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายกอุทธรณ์ของผู้ร้อง
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า เห็นว่า ตามคำแถลงและคำร้องของผู้ร้องที่ยื่นต่อศาลชั้นต้น เป็นกรณีที่ผู้ร้องอ้างว่า พฤติการณ์ที่เกี่ยวกับการควบคุมความประพฤติของจำเลยที่ ๒ ได้เปลี่ยนแปลงไปหรือจำเลยที่ ๒ ผู้ถูกคุมความประพฤติไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขเพื่อคุมความประพฤติตามที่ศาลกำหนด และประสงค์ให้ศาลมีคำสั่งแก้ไขเปลี่ยนแปลง คำพิพากษาเป็นลงโทษจำคุกโดยไม่รอการลงโทษแก่จำเลยที่ ๒ แต่ผู้ร้องเป็นเพียงผู้เสียหายมิได้เป็นโจทก์ โจทก์ร่วมหรือพนักงานคุมประพฤติผู้มีอำนาจหน้าที่ทำรายงานเสนอให้ศาลทราบถึงการที่จำเลยที่ ๒ ผู้ถูกคุมความประพฤติ ไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขเพื่อคุมความประพฤติตามที่ศาลกำหนดหรือพฤติการณ์ที่เกี่ยวแก่การคุมความประพฤติของจำเลยที่ ๒ ผู้ถูกคุมความประพฤติเปลี่ยนแปลงไปตามพระราชบัญญัติวิธีดำเนินการคุมความประพฤติตามประมวลกฎหมายอาญา พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๑๕ ผู้ร้องจึงไม่อาจยื่นคำแถลงหรือ คำร้องดังกล่าวต่อศาลได้ การที่ศาลชั้นต้นรับคำแถลงและคำร้องของผู้ร้องดำเนินการไต่สวนพยานหลักฐานและมีคำสั่งจึงเป็นการสั่งโดยผิดหลงและเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาที่ไม่ชอบ ไม่ได้ปฏิบัติให้เป็นไปตามบทบัญญัติว่าด้วยการพิจารณาคดี ซึ่งปัญหาดังกล่าวเป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกามีอำนาจที่จะหยิบยกขึ้นวินิจฉัยให้เพิกถอนคำสั่งและการดำเนินการพิจารณาของศาลชั้นต้น ที่ไม่ชอบเสียได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๑๙๕ วรรคสอง ประกอบด้วยมาตรา ๒๑๕ และมาตรา ๒๒๕ ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ยกอุทธรณ์ของ ผู้ร้อง ยังไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา
พิพากษายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์และเพิกถอนคำสั่งศาลชั้นต้นที่เกี่ยวกับคำแถลงและคำร้องของผู้ร้อง .

Share