คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5383/2536

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ที่ดินมีโฉนดที่มีชื่อบุคคลภายนอกเป็นเจ้าของอยู่ เจ้าพนักงานบังคับคดีชอบที่จะงดเว้นยึดหรืออายัดทรัพย์สินนั้น และร้องขอต่อศาลให้กำหนดการอย่างใด ๆ เพื่อมิให้ตนต้องรับผิดในค่าสินไหมทดแทนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 283 วรรคสอง

ย่อยาว

คดีนี้สืบเนื่องจาก ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระหนี้เงินยืมแต่จำเลยไม่ชำระ โจทก์นำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินเฉพาะส่วนเนื้อที่ประมาณ 3 งานเศษ ทางด้านทิศใต้ของโฉนดที่ดิน 1593ที่มีชื่อนางละม้าย เทียบรัตน์ และนายรวม เทียบรัตน์ เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ เจ้าพนักงานบังคับคดีมีความเห็นควรงดเว้นการยึดทรัพย์รายนี้ และร้องต่อศาลชั้นต้นให้กำหนดการอย่างใด ๆเพื่อมิให้ตนต้องรับผิด
ศาลชั้นต้นสั่งว่า ไม่ปรากฏว่าเป็นทรัพย์ของจำเลย ให้งดการยึดทรัพย์รายนี้
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่โจทก์ฎีกาว่าเจ้าพนักงานบังคับคดีควรยึดทรัพย์ที่ดินพิพาทโดยอ้างว่าที่ดินนี้เป็นของจำเลย เพราะจำเลยครอบครองมาเกินกว่า 10 ปีแล้วนั้น เห็นว่า ที่ดินพิพาทเป็นที่ดินมีโฉนดที่มีชื่อบุคคลภายนอกเป็นเจ้าของอยู่ เจ้าพนักงานบังคับคดีชอบที่จะงดเว้นยึดหรืออายัดทรัพย์สินนั้น และร้องขอต่อศาลให้กำหนดการอย่างใด ๆ เพื่อมิให้ตนต้องรับผิดในค่าสินไหมทดแทนได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 283 วรรคสอง ดังนั้นการที่เจ้าพนักงานบังคับคดีเห็นควรงดเว้นการยึดทรัพย์รายนี้จึงเป็นดุลพินิจของเจ้าพนักงานบังคับคดีและศาลเห็นสมควรปลดเปลื้องความรับผิดของเจ้าพนักงานบังคับคดีในกรณีดังกล่าวที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาว่า ไม่ปรากฏว่าทรัพย์ที่ยึดเป็นของจำเลยให้งดการยึดเป็นการเกินเลยไป ศาลฎีกาเห็นสมควรแก้เสียให้ถูกต้อง
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ปลดเปลื้องความรับผิดในค่าสินไหมทดแทนกรณีที่เจ้าพนักงานบังคับคดีงดเว้นการยึดทรัพย์รายนี้

Share