แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ฟ้องของโจทก์ข้อ 1 ระบุวันเวลาที่โจทก์ไปตัดไม้ส่วนฟ้องข้อ 2 มีข้อความเพียงว่าเนื่องจากโจทก์ตัดไม้ในข้อ 1 จำเลยไปแจ้งความเท็จแก่เจ้าหน้าที่แต่มิได้ระบุวันเวลาไว้ แม้จะอ่านฟ้องข้อ 1,2 รวมกันก็ไม่ได้ความว่าจำเลยไปแจ้งในวันเวลาที่โจทก์ตัดไม้ จึงถือว่าฟ้องของโจทก์ไม่ปรากฏเวลาตามมาตรา 158(5) ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ไม่ถูกต้องตามกฎหมายต้องยกฟ้อง
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า ข้อ 1. เมื่อเดือน 9 ขึ้น 9 ค่ำตรงกับวันที่ 19 สิงหาคม 2496 เวลากลางวัน นายฉาบนางทอนโจทก์ตัดไม้ไผ่ 3 ลำในที่ดินของนางพลอยมารดานายฉาบโจทก์ครอบครอง ข้อ 2. เนื่องจากโจทก์ตัดไม้ไผ่ในข้อ 1. จำเลยไปแจ้งเจ้าพนักงานเจ้าหน้าที่สถานีตำรวจภูธรว่า นายฉาบ นางทอนโจทก์ลักตัดไม้ไผ่ในที่ดินในโฉนดของจำเลยไป 3 ลำ จำเลยไปพบพูดว่ากล่าวนายฉาบ นางทอน นายขาว โจทก์ถือมีดยื้อแย่งไม้ไผ่ที่นายฉาบนางทอนตัดจากจำเลยและจะฟันเป็นการชิงทรัพย์จากจำเลย ซึ่งจำเลยรู้ดีว่าเป็นข้อความเท็จ ข้อ 3.เนื่องจากจำเลยแจ้งความตามข้อ 2. ทำให้โจทก์ถูกเรียกตัวไปและถูกกักขัง ขอให้ลงโทษตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 158, 159, 270, 272 และมีคำร้องขอแก้ไขเพิ่มเติมฟ้อง
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้วสั่งว่าคดีมีมูลเฉพาะมาตรา 158 ให้ประทับฟ้อง ชั้นพิจารณาสืบพยานโจทก์ไปหนึ่งปาก ศาลสั่งงดสืบพยาน พิพากษาว่าฟ้องของโจทก์ไม่เป็นฟ้องตามกฎหมาย โจทก์หาได้ระบุวันเวลาที่จำเลยไปแจ้งความเท็จไม่ไม่ครบองค์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5) ให้ยกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกาว่าเมื่ออ่านฟ้องข้อ 1. และข้อ 2. รวมกันแล้วได้ความชัดว่าจำเลยไปแจ้งความในวันที่ 19 สิงหาคม 2496
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าฟ้องของโจทก์ระบุวันที่ 19 สิงหาคม 2496 เวลากลางวันไว้ในข้อ 1. เป็นเรื่องกล่าวถึงวันและเวลาที่โจทก์ไปตัดไม้ไผ่ ส่วนฟ้องข้อ 2.มีข้อความกล่าวเพียงว่าเนื่องจากโจทก์ตัดไม้ไผ่ในข้อ 1. จำเลยไปแจ้งแก่เจ้าหน้าที่ ไม่มีข้อความระบุวันเวลาไว้ แม้จะอ่านฟ้องข้อ 1. และข้อ 2. รวมกัน ก็คงไม่ได้ความชัดว่าจำเลยไปแจ้งความในวันที่ 19 สิงหาคม 2496 อยู่นั่นเอง ฟ้องของโจทก์ที่กล่าวหาว่าจำเลยกระทำความผิดคือแจ้งความเท็จ จึงไม่ปรากฏเวลาตามมาตรา 158(5) ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา เป็นฟ้องไม่ถูกต้องตามกฎหมาย จึงพิพากษายืน