คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5370/2543

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การร้องขอให้ศาลมีคำสั่งตั้งผู้จัดการอสังหาริมทรัพย์ที่ถูกยึดบังคับคดีเพื่อนำรายได้ประจำปีจากอสังหาริมทรัพย์ซึ่งอาจเพียงพอที่จะชำระหนี้ตามคำพิพากษาพร้อมด้วยค่าฤชาธรรมเนียมในการฟ้องร้องและการบังคับคดีไปมอบต่อเจ้าพนักงานบังคับคดีทั้งหมดหรือแต่บางส่วน ภายในเวลาและกำหนดตามที่ศาลเห็นสมควร แทนการสั่งขายทอดตลาดทรัพย์สินของลูกหนี้ตามคำพิพากษาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 307 นั้นจะต้องดำเนินกระบวนการในชั้นบังคับคดี โดยผู้ร้องชอบที่จะไปยื่นคำร้องต่อศาลในคดีซึ่งอยู่ในระหว่างดำเนินการบังคับคดีตามคำพิพากษา ไม่ใช่มา ยื่นคำร้องขอเพื่อดำเนินคดีเป็นคดีใหม่อีกต่างหาก

ย่อยาว

ผู้ร้องยื่นคำร้องขอว่า ผู้ร้องเป็นผู้ถือหุ้นในบริษัท เอ็ม.วี.เฮ้าส์ซิ่ง เอสเตทจำกัด ซึ่งมีผู้คัดค้านเป็นกรรมการมีอำนาจลงลายมือชื่อและประทับตราบริษัทกระทำการแทนบริษัทได้ บริษัทดังกล่าวได้กู้ยืมเงินจากธนาคารทหารไทย จำกัดโดยมีผู้ร้องเป็นผู้ค้ำประกัน ต่อมาบริษัทไม่ชำระหนี้และถูกธนาคารทหารไทยจำกัด ฟ้องที่ศาลจังหวัดภูเก็ต โดยผู้ร้องถูกฟ้องเป็นจำเลยที่ 3 คดีถึงที่สุดเมื่อวันที่ 30 ธันวาคม 2540 ตามคดีหมายเลขแดงที่ 1325/2539 ของศาลจังหวัดภูเก็ต ขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการยึดทรัพย์สินของบริษัทคือ ที่ดินที่ตั้งโรงแรมกะรนเซาท์เทิร์น ตัวโรงแรมและทรัพย์สินในโรงแรม หากปล่อยให้เจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการขายทอดตลาดทรัพย์สินของบริษัทแล้วผลเสียจะเกิดแก่ผู้ร้องในฐานะหุ้นส่วน (ที่ถูกในฐานะผู้ถือหุ้น) และในฐานะจำเลยที่ 3 ผู้ค้ำประกัน ปัจจุบันผู้คัดค้านยังคงเก็บเงินรายได้จากกิจการโรงแรมในฐานะกรรมการบริษัท เงินรายได้จากกิจการโรงแรมนี้สามารถชำระหนี้แก่ธนาคารทหารไทย จำกัด จนครบถ้วนได้ แต่ผู้ร้องไม่อาจเข้าไปดำเนินการในโรงแรมและบังคับให้ผู้คัดค้านนำเงินรายได้ของโรงแรมชำระหนี้ได้ จึงขอให้ศาลไต่สวนและมีคำสั่งแต่งตั้งนางสาวอารยา ดำใหม่เป็นผู้จัดการทรัพย์สินของโรงแรมกะรนเซาท์เทิร์นของบริษัท เอ็ม.วี.เฮ้าส์ซิ่งเอสเตท จำกัด ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 307เพื่อนำเงินรายได้มอบให้แก่เจ้าพนักงานบังคับคดีต่อไป

ผู้คัดค้านยื่นคำคัดค้านว่า ผู้ร้องต้องยื่นคำร้องเข้ามาในคดีเดิม มิใช่ยื่นคำร้องเป็นคดีใหม่ ขอให้ยกคำร้อง

ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้อง

ผู้ร้องอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ภาค 8 พิพากษายืน

ผู้ร้องฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า กรณีตามคำร้องเป็นเรื่องที่ผู้ร้องขอให้ศาลมีคำสั่งตั้งผู้จัดการอสังหาริมทรัพย์ที่ถูกยึดบังคับคดีในคดีหมายเลขแดงที่ 1325/2539 ของศาลชั้นต้น เพื่อนำรายได้ประจำปีจากอสังหาริมทรัพย์ซึ่งอาจเพียงพอที่จะชำระหนี้ตามคำพิพากษา พร้อมด้วยค่าฤชาธรรมเนียมในการฟ้องร้องและการบังคับคดีไปมอบต่อเจ้าพนักงานบังคับคดีทั้งหมดหรือแต่บางส่วน ภายในเวลาและกำหนดตามที่ศาลเห็นสมควร แทนการสั่งขายทอดตลาดทรัพย์สินของลูกหนี้ตามคำพิพากษา ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 307 นั้น เป็นกรณีที่จะต้องดำเนินกระบวนการในชั้นบังคับคดี ผู้ร้องจึงชอบที่จะไปยื่นคำร้องต่อศาลในคดีหมายเลขแดงที่ 1325/2539 ซึ่งอยู่ในระหว่างดำเนินการบังคับคดีตามคำพิพากษา ไม่ใช่มายื่นคำร้องเพื่อดำเนินคดีเป็นคดีใหม่อีกต่างหาก

พิพากษายืน

Share