คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 537/2532

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

จำเลยฝ่ายเดียวเป็นผู้อุทธรณ์คำพิพากษาศาลชั้นต้นและได้ร้องขอถอนฟ้องอุทธรณ์นั้นในระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ศาลชั้นต้นจำต้องจัดการส่งสำเนาคำร้องขอถอนฟ้องอุทธรณ์ให้อีกฝ่ายหนึ่ง แล้วส่งคำร้องไปยังศาลอุทธรณ์เพื่อสั่ง และศาลอุทธรณ์ต้องสั่งคำร้องนั้นก่อนมีคำพิพากษา การที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาคดีและศาลชั้นต้นได้อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์โดยศาลชั้นต้นมิได้ดำเนินการส่งสำเนาคำร้องขอถอนอุทธรณ์ให้แก่โจทก์ และศาลอุทธรณ์ยังมิได้สั่งคำร้องขอถอนอุทธรณ์ของจำเลย จึงเป็นการปฏิบัติที่ไม่ชอบด้วยกระบวนพิจารณา ศาลฎีกาย่อมพิพากษายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้ศาลชั้นต้นดำเนินการส่งสำเนาคำร้องขอถอนฟ้องอุทธรณ์ของจำเลยแล้วส่งศาลอุทธรณ์เพื่อสั่ง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชดใช้ค่าเสียหายอันเกิดจากมูลละเมิดแก่โจทก์ จำเลยให้การต่อสู้หลายประการ ขอให้ยกฟ้องและฟ้องแย้งขอให้บังคับโจทก์ชดใช้ค่าเสียหายอันเกิดจากมูลละเมิดแก่จำเลยโจทก์ให้การแก้ฟ้องแย้ง ขอให้ยกฟ้องแย้ง ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์ และยกฟ้องแย้งของจำเลย จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่าให้โจทก์ชดใช้ค่าเสียหายแก่จำเลยเป็นเงิน 146,000 บาทโจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “ในเรื่องคำร้องขอถอนฟ้องอุทธรณ์ของจำเลยนั้น ปรากฏว่า หลังจากที่ศาลชั้นต้นได้พิพากษาคดีนี้เมื่อวันที่ 3 สิงหาคม 2527 แล้ว จำเลยฝ่ายเดียวได้ยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาเมื่อวันที่ 3 กันยายน 2527 ศาลชั้นต้นมีคำสั่งรับอุทธรณ์ของจำเลย สำเนาให้โจทก์ ศาลชั้นต้นส่งสำนวนไปยังศาลอุทธรณ์เมื่อวันที่ 6 ธันวาคม 2527 ต่อมาวันที่ 19 พฤศจิกายน 2528ตัวจำเลยเองได้ยื่นคำร้องขอถอนอุทธรณ์โดยอ้างว่า จำเลยซึ่งเป็นฝ่ายอุทธรณ์ไม่ประสงค์ที่จะดำเนินคดีในชั้นอุทธรณ์ต่อไป จึงขอถอนฟ้องอุทธรณ์เสีย ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า “สำเนาให้โจทก์จะคัดค้านประการใด ให้ยื่นคำแถลงภายใน 7 วัน นับแต่วันได้รับสำเนาคำร้อง มิฉะนั้นถือว่าไม่คัดค้าน ให้จำเลยนำส่งสำเนาให้โจทก์ภายใน 5 วัน นับแต่วันนี้” ระหว่างที่ยังส่งสำเนาคำร้องให้โจทก์ไม่ได้ศาลชั้นต้นได้อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้โจทก์และจำเลยฟังเมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2529 ศาลฎีกาเห็นว่า เมื่อจำเลยฝ่ายเดียวเป็นผู้อุทธรณ์คำพิพากษาศาลชั้นต้นและได้ร้องขอถอนฟ้องอุทธรณ์นั้นในระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ ศาลชั้นต้นจำต้องจัดการส่งสำเนาคำร้องขอถอนฟ้องอุทธรณ์ให้อีกฝ่ายหนึ่ง แล้วส่งคำร้องนั้นไปยังศาลอุทธรณ์เพื่อสั่งและศาลอุทธรณ์จำต้องสั่งคำร้องนั้นก่อนมีคำพิพากษา เมื่อศาลอุทธรณ์ได้พิพากษาคดีและศาลชั้นต้นได้อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ โดยศาลชั้นต้นยังมิได้ดำเนินการส่งสำเนาคำร้องขอถอนอุทธรณ์ให้แก่โจทก์ และศาลอุทธรณ์ยังมิได้สั่งคำร้องขอถอนอุทธรณ์ของจำเลย จึงเป็นการปฏิบัติที่ไม่ชอบด้วยกระบวนพิจารณา”
พิพากษายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์และยกฎีกาของโจทก์ ให้ศาลชั้นต้นดำเนินการต่อไปเกี่ยวกับการส่งสำเนาคำร้องขอถอนฟ้องอุทธรณ์ของจำเลย แล้วส่งศาลอุทธรณ์เพื่อสั่งให้คืนค่าขึ้นศาลชั้นฎีกาทั้งหมดแก่โจทก์ ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นนี้ให้เป็นพับ

Share