คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 537/2500

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ภรรยาโจทก์และจำเลยแลกเปลี่ยนที่ดินโดยทำนิติกรรมยกให้ซึ่งกันและกัน โดยโจทก์มิได้รู้เห็นยินยอมด้วย ซึ่งในที่สุดศาลพิพากษาว่าเป็นโมฆะและให้จำเลยคืนที่ดินนั้นให้โจทก์ตามที่โจทก์ฟ้อง ศาลพิพากษาเฉพาะเพียงเท่านี้จำเลยจะมาร้องในคดีเดิมขอให้ศาลบังคับโจทก์ให้คืนที่ดินที่แลกเปลี่ยนนั้นแก่จำเลยเพื่อให้คืนสู่ฐานะเดิมหาได้ไม่เพราะเป็นอีกคดีหนึ่งซึ่งจำเลยมิได้ฟ้องร้องเป็นคดีขึ้นมา

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้เพิกถอนสัญญาให้ที่ดินโฉนดที่ 3054 ระหว่างนางนาภรรยาโจทก์ผู้ให้และจำเลยทั้งสองผู้รับ โดยอ้างว่านายพุมมา โจทก์มิได้รู้เห็นยินยอมด้วย นิติกรรมรายนี้จึงเป็นโมฆียะ ศาลฎีกาได้ชี้ขาดแต่เฉพาะประเด็นตามฟ้องข้อที่ว่านิติกรรมดังกล่าวแล้วตกเป็นโมฆะตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 138 จึงให้เพิกถอนหนังสือสัญญาให้กรรมสิทธิ์เฉพาะส่วนตามโฉนดที่ 3054คู่กรณีจึงคืนเข้าสู่ฐานะเดิมโดยเฉพาะโฉนดรายพิพาทที่ 3054 ต้องโอนกลับคืนมายังภรรยาโจทก์

จำเลยยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นว่า จำเลยได้โอนที่ดินโฉนดที่ 3054 ให้นางนาภริยาโจทก์แล้ว แต่โจทก์ไม่ยอมโอนที่ดินโฉนดที่ 3055 คืนจำเลย ขอให้ศาลบังคับ

โจทก์คัดค้านว่า จำเลยไม่มีสิทธิร้องขอต่อศาลได้เช่นนั้นเพราะเป็นการนอกเหนือคำพิพากษาของศาล จำเลยมิได้ฟ้องแย้งหรือฟ้องเข้ามาใหม่จนคดีขาดอายุความแล้ว

ศาลชั้นต้นเห็นว่า เมื่อนิติกรรมนั้นตกเป็นโมฆะตามมาตรา 138 คู่กรณีย่อมกลับคืนสู่ฐานะเดิม จึงมีคำสั่งให้โจทก์โอนที่ดินโฉนดที่ 3055 คืนให้จำเลย

ศาลฎีกาพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์ โดยพิพากษากลับคำสั่งศาลชั้นต้น เพราะไม่อาจก้าวล่วงบังคับคดีให้นางนาภรรยาโจทก์คืนโฉนดที่ 3055 แก่จำเลย ซึ่งเป็นอีกคดีหนึ่งโดยจำเลยมิได้ฟ้องร้องเป็นคดีขึ้นมา ให้ยกคำร้องจำเลย

Share