คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5369/2543

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ในวันนัดไต่สวนมูลฟ้อง จำเลยยื่นคำร้องและคำให้การยกข้อต่อสู้ว่าคดีไม่อยู่ในอำนาจพิจารณาของศาลพลเรือนด้วยเหตุจำเลยรับราชการทหารตรงกับคำฟ้องของโจทก์ที่ยื่นไว้ และข้อเท็จจริงปรากฏแก่ศาลชั้นต้นตั้งแต่บัดนั้นแล้วว่า จำเลยเป็นนายทหารชั้นสัญญาบัตรประจำการ จำเลยจึงเป็นบุคคลที่อยู่ในอำนาจศาลทหารตามพระราชบัญญัติธรรมนูญศาลทหารพ.ศ. 2498 มาตรา 16(1) ศาลชั้นต้นซึ่งเป็นศาลพลเรือนจึงไม่มีอำนาจพิจารณาคดีจำเลยก่อนมีคำสั่งประทับฟ้อง การที่ศาลชั้นต้นได้อนุญาตให้เลื่อนการไต่สวนมูลฟ้องไปอีกหลายครั้งและได้ทำการไต่สวนมูลฟ้องและมีคำสั่งรับประทับฟ้องโจทก์ไว้พิจารณา จึงเป็นกระบวนพิจารณาที่ผิดหลง การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งจำหน่ายคดีในเวลาต่อมาภายหลังเป็นการแก้ไขกระบวนพิจารณาที่ผิดพลาดให้ถูกต้อง มิใช่กรณีที่ศาลชั้นต้นได้มีคำสั่งประทับฟ้องไว้ในขณะที่ยังไม่ปรากฏชัดแจ้งว่าคดีอยู่ในอำนาจของศาลทหารหรือไม่

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2534 มาตรา 4

ในชั้นไต่สวนมูลฟ้อง โจทก์ยื่นคำร้องขอแก้ไขคำฟ้องว่า จำเลยรับราชการทหาร ขณะนี้ประจำอยู่ที่โรงเรียนทหารพลาธิการ ส่วนจำเลยยื่นคำร้องว่าจำเลยเป็นนายทหารชั้นสัญญาบัตรประจำการ คดีจึงอยู่ในอำนาจศาลทหาร ไม่อยู่ในอำนาจศาลชั้นต้น ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้วเห็นว่าคดีมีมูล ให้ประทับฟ้อง

จำเลยให้การปฏิเสธ

ระหว่างพิจารณา ศาลชั้นต้นเห็นว่า จำเลยเป็นนายทหารชั้นสัญญาบัตรประจำการ คดีจึงไม่อยู่ในอำนาจศาลชั้นต้น แต่อยู่ในอำนาจศาลทหารไม่อาจดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปได้ตามพระธรรมนูญศาลทหารพ.ศ. 2498 มาตรา 13 จึงให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบความ

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีอยู่ในระหว่างส่งหมายนัดไต่สวนมูลฟ้องให้จำเลย โจทก์ได้ยื่นคำร้องขอแก้ไขคำฟ้องและให้ส่งหมายนัดให้แก่จำเลยที่โรงเรียนทหารพลาธิการโดยยืนยันว่า เป็นสถานที่จำเลยรับราชการทหารอยู่ และในวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2540 ซึ่งเป็นวันนัดไต่สวนมูลฟ้องนั้นจำเลยได้ยื่นคำร้องและคำให้การยกข้อต่อสู้ว่า คดีไม่อยู่ในอำนาจพิจารณาของศาลพลเรือนด้วยเหตุจำเลยรับราชการทหารตรงกับคำฟ้องของโจทก์ที่ยื่นไว้นั้นแล้ว ข้อเท็จจริงปรากฏแก่ศาลชั้นต้นตั้งแต่บัดนั้นแล้วว่า จำเลยเป็นนายทหารชั้นสัญญาบัตรประจำการ จำเลยจึงเป็นบุคคลที่อยู่ในอำนาจศาลทหารตามพระราชบัญญัติธรรมนูญศาลทหาร พ.ศ. 2498 มาตรา 16(1)ศาลชั้นต้นซึ่งเป็นศาลพลเรือนจึงไม่มีอำนาจพิจารณาคดีจำเลยก่อนมีคำสั่งประทับฟ้องแล้ว ดังนั้นการที่ศาลชั้นต้นได้อนุญาตให้เลื่อนการไต่สวนมูลฟ้องไปอีกหลายครั้งและได้ทำการไต่สวนมูลฟ้องในวันที่ 27 สิงหาคม 2540และมีคำสั่งรับประทับฟ้องโจทก์ไว้พิจารณาในวันเดียวกันนั้น จึงเป็นกระบวนพิจารณาที่ผิดหลง ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งจำหน่ายคดีในเวลาต่อมาภายหลังนั้น เป็นการแก้ไขกระบวนพิจารณาที่ผิดพลาดให้ถูกต้อง หาใช่กรณีที่ศาลชั้นต้นได้มีคำสั่งประทับฟ้องไว้ในขณะที่ยังไม่ปรากฏชัดแจ้งว่าคดีอยู่ในอำนาจของศาลทหารหรือไม่ ดังที่โจทก์อ้างในฎีกาไม่

พิพากษายืน

Share