แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
สิทธิการฟ้องร้อง
โจทก์ต้องการจะแบ่งแยกที่ดินส่วนหนึ่งซึ่งศาลพิพากษาคดีถึงที่สุดว่าเป็นของจำเลย. ออกไปเสียจากโฉนดของโจทก์ก็เป็นเรื่องของโจทก์เองไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับจำเลยคดีของโจทก์ยังไม่มีการโต้แย้งเกี่ยวกับสิทธิหรือหน้าที่ระหว่างโจทก์จำเลย โจทก์ยังไม่มีสิทธิที่จะมาฟ้องจำเลยได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 55
ย่อยาว
คดีนี้สืบเนื่องมาจากสำนวนคดีแพ่งแดงที่ 226/96 ของศาลจังหวัดราชบุรี ซึ่งโจทก์ฟ้องว่าโจทก์เป็นเจ้าของที่ดินโฉนดที่ 6407 เนื้อที่ 14 ไร่เศษ นายชิดจำเลยที่ 1 เป็นพี่ของนายเกา จำเลยที่ 2 และเป็นผู้อาศัยโจทก์ปลูกโรงเรือนอยู่ในที่ดินของโจทก์นี้เป็นเนื้อที่ประมาณ 1 งานเศษ บัดนี้จำเลยกลับโต้แย้งกรรมสิทธิ์ของโจทก์ ขอให้ขับไล่และให้จำเลยรื้อโรงเรือนออกไป จำเลยต่อสู้ว่าตลอดบริเวณที่ดินที่จำเลยปลูกเรือนเป็นที่ดินของจำเลยเองครอบครองในฐานะที่เป็นเจ้าของมา 30 ปีเศษแล้วเมื่อทำแผนที่วิวาทโจทก์นำชี้ที่พิพาทตามฟ้องว่าอยู่ภายในวงเส้นสีดำเนื้อที่ประมาณ 1 งานเศษ จำเลยนำชี้ที่ของจำเลยว่าอยู่ภายในวงเส้นสีเขียว (รวมวงเส้นสีดำนั้นด้วย) เนื้อที่ 4 ไร่เศษ คดีนั้นถึงที่สุดชั้นศาลอุทธรณ์โดยศาลอุทธรณ์พิพากษาว่าจำเลยครอบครองที่พิพาทเท่าบริเวณที่จำเลยปลูกเรือนอยู่โดยถือสิทธิเป็นเจ้าของมาเกิน 10 ปีแล้ว แม้ที่ตรงนี้จะอยู่ในเขตโฉนดของโจทก์ จำเลยย่อมได้กรรมสิทธิ์ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382 โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องขับไล่จำเลยพิพากษายกฟ้อง ต่อมาโจทก์นำคดีนี้มาฟ้องใหม่กล่าวความทำนองเดียวกับสำนวนเรื่องก่อนและว่าโจทก์ยอมให้ที่พิพาทเท่าบริเวณที่นายชิด (จำเลยในคดีก่อน) ปลูกเรือนอยู่เนื้อที่ประมาณ 1 งานเป็นกรรมสิทธิ์ของนายชิดโดยทางครอบครองตามคำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์บัดนี้นายชิดตาย จำเลยเป็นภริยาผู้รับมรดกที่พิพาทของนายชิดโจทก์ได้บอกให้จำเลยไปจัดการยื่นคำขอรังวัดแบ่งแยกที่พิพาทออกจากโฉนดของโจทก์ แต่จำเลยเพิกเฉย จึงขอให้ศาลพิพากษาให้จำเลยรังวัดแบ่งแยกโฉนดที่พิพาทเท่าบริเวณที่จำเลยปลูกเรือนอยู่ เนื้อที่ประมาณ 1 งาน ออกไปจากโฉนดของโจทก์ และสั่งให้เจ้าพนักงานที่ดินรังวัดแบ่งแยกโฉนดเนื้อที่ประมาณ 1 งาน ดังกล่าวให้จำเลยไป
จำเลยต่อสู้ว่าที่ดินของจำเลยอยู่ในวงเส้นสีเขียวตามแผนที่วิวาทในคดีก่อน เพราะครอบครองมา 30 ปีเศษแล้ว จำเลยมิได้ทำละเมิดหรือทำให้เป็นที่เสียหายแก่โจทก์ประการใด และตัดฟ้องว่าเป็นการฟ้องซ้ำ
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยแบ่งแยกที่ดินภายในเขตโฉนดโจทก์มีเนื้อที่ 1 งานเศษตามแผนที่วิวาทในคดีก่อนเฉพาะที่ที่หมายเหตุไว้ว่าโจทก์นำรังวัดว่าเป็นเขตที่โจทก์หาว่าจำเลยปลูกเรือนอาศัยอยู่ให้โจทก์
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่าในฟ้องไม่ปรากฏว่าโจทก์ได้กระทำและจำเลยได้ไปโต้แย้งการกระทำของโจทก์แต่ประการใด คดีของโจทก์จึงยังไม่มีการโต้แย้งเกี่ยวกับสิทธิหรือหน้าที่ระหว่างโจทก์กับจำเลยโจทก์ยังไม่มีสิทธิที่จะมาฟ้องจำเลยได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 55 พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่าเมื่อโจทก์ต้องการจะแบ่งแยกที่ดินส่วนหนึ่งออกไปเสียจากโฉนดของโจทก์ ก็เป็นเรื่องของโจทก์เอง ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับจำเลย แล้วจะมาขอให้ศาลบังคับจำเลยให้ไปยื่นคำร้องขอแบ่งแยกด้วยกันอย่างไรได้ คดีของโจทก์ยังไม่มีการโต้แย้งเกี่ยวกับสิทธิหรือหน้าที่ระหว่างโจทก์จำเลย โจทก์ยังไม่มีสิทธิที่จะมาฟ้องจำเลยได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 55 พิพากษายืน