แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
จำเลยปลูกบ้านในที่ดินพิพาทซึ่งเป็นของโจทก์เพราะเข้าใจว่าเป็นที่ดินของบุตรสาวที่ยินยอมให้จำเลยอยู่อาศัยแสดงว่าจำเลยเข้าไปครอบครองที่ดินพิพาทเป็นการชั่วคราวโดยไม่ได้เจตนาเป็นเจ้าของแม้ครอบครองติดต่อกันนานเกินกว่า10ปีก็ไม่ได้กรรมสิทธิ์โดยการครอบครองปรปักษ์และเป็นการละเมิดสิทธิของโจทก์ตลอดเวลาที่ยังอยู่ในที่ดินนั้นคดีที่โจทก์ฟ้องขอให้รื้อถอนบ้านออกไปจึงไม่ขาดอายุความ
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของที่ดินโฉนดเลขที่ 64548มีแนวเขตติดต่อกับที่ดินของจำเลย ตามโฉนดเลขที่ 55378 เมื่อประมาณเดือนธันวาคม 2525 จำเลยปลูกบ้านเลขที่ 3/334 ลงในที่ดินของโจทก์โดยไม่ได้รับอนุญาตจากโจทก์ ขอให้บังคับจำเลยรื้อถอนบ้านเลขที่ 3/334 ออกจากที่ดินของโจทก์ และห้ามเกี่ยวข้องกับที่ดินของโจทก์ต่อไป ให้จำเลยชำระค่าเสียหายแก่โจทก์เดือนละ19,500 บาท นับถัดจากวันฟ้องไปจนกว่าจะรื้อถอนบ้านของจำเลยออกจากที่ดินของโจทก์
จำเลยให้การและฟ้องแย้งว่า จำเลยปลูกสร้างบ้านของจำเลยบนที่ดินพิพาทเพื่อใช้เป็นที่อยู่อาศัยตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2524โดยสงบ เปิดเผย และด้วยเจตนาเป็นเจ้าของเกินกว่า 10 ปีแล้วจำเลยจึงได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินโดยการครอบครองปรปักษ์ โจทก์ไม่มีสิทธิฟ้องขับไล่จำเลย ความเสียหายที่โจทก์ได้รับไม่เกินเดือนละ 900 บาท โจทก์ไม่ฟ้องคดีภายในกำหนด 1 ปี นับแต่วันทำละเมิดหรือรู้เหตุแห่งการละเมิด คดีโจทก์จึงขาดอายุความ ขอให้ยกฟ้องและมีคำสั่งให้โจทก์จดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินพิพาทให้จำเลยโดยปราศจากภาระติดพันใด ๆ หากโจทก์ไม่ปฏิบัติตามให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนา และห้ามโจทก์เกี่ยวข้องกับที่ดินพิพาท
โจทก์ให้การแก้ฟ้องแย้งว่า จำเลยปลูกสร้างบ้านบนที่ดินพิพาทนับถึงวันฟ้องไม่ถึง 10 ปี จำเลยยังไม่ได้กรรมสิทธิ์ และจำเลยปลูกสร้างบ้านในที่ดินพิพาทโดยใช้สิทธิอาศัย มิได้มีเจตนาเป็นเจ้าของจึงไม่ได้กรรมสิทธิ์โดยการครอบครองตามกฎหมาย จำเลยยังมิได้รื้อถอนบ้านออกจากที่ดินพิพาทอายุความจึงยังไม่เริ่มนับคดียังไม่ขาดอายุความ ขอให้ยกฟ้องแย้ง
ศาลชั้นต้นพิพากษาห้ามจำเลยเข้าเกี่ยวข้องกับที่ดินโฉนดเลขที่ 64548 ตำบลบางจาก อำเภอพระโขนง กรุงเทพมหานครของโจทก์ ยกฟ้องแย้งจำเลย
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์ ห้ามโจทก์เกี่ยวข้องกับที่ดินพิพาทต่อไป และให้โจทก์ไปจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินพิพาทให้จำเลยโดยปราศจากภาระใด ๆ หากโจทก์ไม่ไปให้ถือเอาคำพิพากษาศาลอุทธรณ์แทนการแสดงเจตนา
โจทก์ ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงในเบื้องต้นฟังได้ว่า จำเลยปลูกบ้านเลขที่ 3/334 หมู่ที่ 2 ถนนสุขุมวิท 93แขวงบางจาก เขตพระโขนง กรุงเทพมหานคร ในที่ดินโฉนดเลขที่ 64548ซึ่งเป็นที่ดินของโจทก์ ที่ดินพิพาทนี้อยู่ติดกับที่ดินของนางคมขำบุตรของจำเลย ต่อมา พ.ศ. 2531 นางคมขำได้ขายที่ดินของตนให้จำเลย ข้อที่โจทก์ฎีกาว่า ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยปลูกบ้านในที่ดินพิพาทเพราะจำเลยเข้าใจว่าที่ดินพิพาทเป็นที่ดินของบุตรสาวของจำเลยที่ยินยอมให้จำเลยอยู่อาศัยแสดงให้เห็นเจตนาของจำเลยว่าจำเลยเข้าไปครอบครองที่ดินพิพาทเป็นการชั่วคราว เป็นการเข้าไปอยู่อาศัยในที่ดินที่จำเลยเข้าใจว่าเป็นของบุตรสาวของจำเลย โดยจำเลยไม่ได้ครอบครองด้วยเจตนาเป็นเจ้าของ แม้จำเลยจะครอบครองที่ดินพิพาทติดต่อกันนานเกินกว่า10 ปี แล้วก็ตาม จำเลยก็ไม่ได้กรรมสิทธิ์ที่ดินพิพาทโดยการครอบครองปรปักษ์ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382
ที่จำเลยแก้ฎีกาว่า โจทก์ฟ้องเกิน 1 ปี นับแต่โจทก์รู้เหตุของการละเมิด คดีของโจทก์จึงขาดอายุความนั้น ปัญหาดังกล่าวจำเลยตั้งประเด็นมาในคำฟ้องอุทธรณ์ของจำเลย แต่ศาลอุทธรณ์มิได้วินิจฉัยให้ศาลฎีกาเห็นสมควรวินิจฉัยไปทีเดียวโดยไม่ต้องย้อนสำนวนไปให้ศาลอุทธรณ์พิพากษาใหม่ เห็นว่า จำเลยปลูกบ้านอยู่ในที่ดินพิพาทโดยโจทก์ไม่ได้รู้เห็นตกลงยินยอมด้วย เป็นการละเมิดสิทธิของโจทก์ซึ่งเป็นเจ้าของตลอดเวลาที่จำเลยยังอยู่ในที่ดินของโจทก์ คดีโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้อง ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์ฟังขึ้น”
พิพากษากลับ ให้จำเลยรื้อถอนบ้านเลขที่ 3/338 หมู่ที่ 2ออกไปจากที่ดินโฉนดเลขที่ 64548 ของโจทก์ ห้ามจำเลยเกี่ยวข้องกับที่ดินดังกล่าว ยกฟ้องแย้งจำเลย