คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 535/2512

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เมื่อศาลได้พิพากษาอย่างใด ซึ่งจะต้องมีการบังคับคดี ชอบที่ศาลจะต้องมีคำบังคับกำหนดวิธีที่จะปฏิบัติตามคำบังคับนั้นไว้ และให้ลูกหนี้ตามคำพิพากษาลงลายมือชื่อรับทราบคำบังคับไว้เป็นสำคัญ เพียงแต่ศาลอ่านคำพิพากษาให้คู่ความฟัง และให้คู่ความลงลายมือชื่อไว้เป็นสำคัญ ยังถือไม่ได้ว่าได้มีการออกคำบังคับแล้ว
ศาลพิพากษาให้จำเลยโอนที่ดินที่ซื้อขายให้โจทก์ แต่อยู่ในเงื่อนไขที่ว่า โจทก์ต้องวางเงินค่าที่ดินที่ยังไม่ชำระต่อศาล เพื่อให้จำเลยรับไปเสียก่อนภายใน 1 เดือน นับแต่วันพิพากษา เมื่อยังไม่มีการออกคำบังคับ แม้โจทก์จะไม่นำเงินมาวางศาลภายในเวลาที่ระบุในคำพิพากษา ก็ไม่เป็นการไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษา และไม่เป็นการสละสิทธิในที่ดินที่ศาลพิพากษาให้จำเลยโอน

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยโอนขายที่ดินโฉนดที่ ๑๔๔ แก่โจทก์ และรับเงินค่าที่ดินอีก ๖๐,๐๐๐ บาท
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยโอนที่ดินดังกล่าวให้โจทก์ แต่อยู่ในเงื่อนไขว่าโจทก์ต้องวางเงิน ๖๐,๐๐๐ บาทต่อศาล เพื่อให้จำเลยรับไปเสียก่อนภายใน ๑ เดือน นับแต่วันพิพากษา ซึ่งอ่านคำพิพากษาเมื่อวันที่ ๓๑ กรกฎาคม ๒๕๑๑ ต่อมาวันที่ ๑๐ กันยายน ๒๕๑๑ จำเลยยื่นคำร้องว่าโจทก์ไม่วางเงินต่อศาลภายใน ๑ เดือน นับแต่วันพิพากษา ถือได้ว่าโจทก์สละสิทธิที่จะซื้อที่ดิน จำเลยจึงขอวางเงิน ๕๐,๐๐๐ บาท อันเป็นส่วนหนึ่งแห่งค่าที่ดินที่รับไปจากโจทก์ต่อศาล เพื่อคืนให้โจทก์ และขอปฏิเสธไม่ขายที่ดินนั้นให้โจทก์ต่อไป ในวันเดียวกันนั้น โจทก์ร้องขอวางเงิน ๖๐,๐๐๐ บาทต่อศาล เพื่อให้การได้เป็นไปตามคำพิพากษา โดยว่าที่วางเงินช้า เพราะเข้าใจผิดว่าจำเลยจะอุทธรณ์ ศาลชั้นต้นสั่งว่า โจทก์ไม่วางเงินต่อศาลภายใน ๑ เดือนตามคำพิพากษา จึงบังคับจำเลยไม่ได้ ให้ยกคำร้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ศาลชั้นต้นรับเงิน ๖๐,๐๐๐ บาทจากโจทก์ได้เพื่อให้จำเลยรับไปตามคำพิพากษา
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้โดยรูปคดี และโดยคำพิพากษาของศาลก็ดี เป็นกรณีที่จะต้องมีการบังคับคดีให้เป็นไปตามคำพิพากษา จึงชอบที่ศาลจะต้องมีคำบังคับกำหนดวิธีการที่จะต้องดำเนินการ และให้ลูกหนี้ตามคำพิพากษาลงลายมือชื่อรับทราบคำบังคับไว้เป็นสำคัญดังบัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๗๒ ส่วนข้อความในคำบังคับก็เป็นไปตามมาตรา ๒๗๓ ถ้าลูกหนี้ตามคำพิพากษายังไม่ปฏิบัติตามคำบังคับ ก็จะได้ตั้งเจ้าพนักงานบังคับคดีเพื่อดำเนินการบังคับคดีต่อไป คดีนี้ยังมิได้มีการออกคำบังคับ และจะถือเอาคำพิพากษาของศาลตอนซึ่งมีข้อความว่า ให้โจทก์วางเงิน ๖๐,๐๐๐ บาท เพื่อให้จำเลยรับไปเสียก่อนภาย ๑ เดือนนับแต่วันพิพากษา ว่าเป็นคำบังคับซึ่งบังคับโจทก์ให้ปฏิบัติเช่นนั้น โดยไม่มีข้อกำหนดบังคับจำเลยซึ่งเป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษาหรือฝ่ายแพ้คดีก็ให้กระทำอย่างหนึ่งอย่างใดด้วยนั้น ย่อมถือไม่ได้ว่าเป็นคำบังคับหรือได้มีการออกคำบังคับแล้ว และทั้งข้อความที่ระบุในคำพิพากษา ซึ่งบังคับโจทก์ (จะบังคับได้หรือไม่ก็ตาม) นั้น ไม่มีข้อความอันเป็นลักษณะของคำบังคับตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๗๓ วรรคท้าย อีกด้วย ถือไม่ได้ว่ามีการออกคำบังคับแล้วตามกฎหมาย การที่โจทก์ไม่นำเงินมาวางภายในระยะเวลาที่ศาลระบุไว้ในคำพิพากษา จึงไม่เป็นการไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษา และไม่เป็นการสละสิทธิในที่ดินพิพาท คดีชอบที่จะดำเนินการออกคำบังคับต่อไป ที่โจทก์นำเงินมาวางศาล แสดงว่าโจทก์พร้อมที่จะให้ศาลดำเนินการบังคับคดี จึงชอบที่ศาลจะรับไว้ดำเนินการต่อไป
พิพากษายืน.

Share