คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5347/2538

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การเข้าร่วมประชุมสมาคมแม่บ้านมหาดไทยเป็นสิทธิโดยชอบของจำเลยจำเลยไม่มีหน้าที่ต้องขอความยินยอมจากโจทก์เสียก่อนทั้งวัตถุประสงค์ของสมาคมที่จำเลยเข้าร่วมประชุมก็เพื่อช่วยเหลือสังคมและประกอบการกุศลต่างๆจึงไม่เป็นการประพฤติชั่ว เมื่อจำเลยดำรงตำแหน่งประธานชมรมแม่บ้านมหาดไทยจังหวัดมหาสารคามมีอำนาจกระทำการต่างๆเกี่ยวกับการกุศลได้โดยเฉพาะอย่างยิ่งองค์กรเหล่ากาชาดซึ่งเป็นองค์กรเกี่ยวกับการกุศลการที่จำเลยในฐานะภริยาโจทก์ซึ่งเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดได้โทรศัพท์ไปยังเสมียนตราจังหวัดมหาสารคามให้บริจากเงินของเหล่ากาชาดจึงน่าจะกระทำได้เมื่อเป็นเรื่องเกี่ยวกับการกุศลไม่เป็นการประพฤติชั่ว การกระทำของจำเลยเป็นการทำหนังสือถึงผู้บังคับบัญชาของโจทก์โดยเหล่าเหตุการณ์ตามความเป็นจริงเป็นการกล่าวป้องกันส่วนได้เสียของจำเลยมิให้โจทก์แสดงต่อบุคคลภายนอกว่าจำเลยมิใช่ภริยาโจทก์ดังที่แล้วมาไม่เป็นการใส่ความโจทก์และไม่เป็นปฏิปักษ์ต่อการเป็นสามีภริยากันอย่างร้ายแรง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์และจำเลยเป็นสามีภริยากันโดยชอบด้วยกฎหมาย โจทก์ขอหย่าขาดจากการเป็นสามีภริยากับจำเลย โดยเหตุที่จำเลยประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง โดยจำเลยเข้าร่วมประชุมในการประชุมของสมาคมแม่บ้านมหาดไทย ในฐานะประธานชมรมแม่บ้านมหาดไทยจังหวัดมหาสารคาม โดยโจทก์ไม่ได้มอบหมาย และสั่งให้เสมียนตราจังหวัดมหาสารคามส่งเงินค่าบัตรการกุศลให้สมาคมแม่บ้านมหาดไทย โดยเจตนาที่จะทำให้โจทก์ได้รับความอับอายขายหน้าและได้รับการดูถูกเหยียดหยามจากบุคคลอื่น และจำเลยกระทำการเป็นปฏิปักษ์ต่อการเป็นสามีภริยาอย่างร้ายแรง กลั่นแกล้งร้องเรียนกล่าวโทษโจทก์ต่อผู้บังคับบัญชาของโจทก์เพื่อให้ได้รับโทษทางวินัยขอให้บังคับจำเลยไปจดทะเบียนหย่าขาดจากโจทก์ ณ เขตพระนครกรุงเทพมหานคร หากจำเลยไม่ปฏิบัติตามให้ถือเอาคำพิพากษาของศาลแทนการแสดงเจตนาของจำเลย
จำเลยให้การว่า การกระทำของจำเลยมิใช่เป็นการประพฤติชั่ว หรือเป็นการกระทำโดยเจตนาให้โจทก์ได้รับการดูหมิ่นเหยียดหยามโจทก์เป็นผู้ก่อเรื่องขึ้นเอง ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้น พิจารณา แล้ว พิพากษายก ฟ้องโจทก์
โจทก์ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ พิพากษายืน
โจทก์ ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า กรณีที่จำเลยเข้าร่วมประชุมโดยไม่ได้รับความยินยอมจากโจทก์ จะถือว่าจำเลยประพฤติชั่วหรือไม่เห็นว่า ขณะเกิดเหตุจำเลยเป็นภริยาโดยชอบด้วยกฎหมายของโจทก์จำเลยจึงเป็นประธานชมรมแม่บ้านมหาดไทยจังหวัดมหาสารคามโดยตำแหน่งดังนั้น การที่จะเข้าร่วมประชุมหรือไม่อย่างไร น่าจะเป็นสิทธิโดยชอบของจำเลย และหากเข้าร่วมประชุมก็ไม่มีหน้าที่ต้องขอความยินยอมจากโจทก์เสียก่อน อีกทั้งวัตถุประสงค์ของสมาคมแม่บ้านมหาดไทยก็เพื่อช่วยเหลือสังคมและประกอบการกุศลต่าง ๆจึงถือว่าไม่เป็นการประพฤติชั่ว ส่วนกรณีที่จำเลยโทรศัพท์ไปยังเสมียนตราจังหวัดมหาสารคามให้บริจากเงินของเหล่ากาชาดเป็นการประพฤติชั่วหรือไม่ เห็นว่าเมื่อจำเลยดำรงตำแหน่งประธานชมรมแม่บ้านมหาดไทยจังหวัดมหาสารคามโดยชอบ ก็น่าจะมีอำนาจกระทำการต่าง ๆ เกี่ยวกับการกุศลได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งองค์กรที่เรียกว่าเหล่ากาชาดก็เป็นองค์กรที่เกี่ยวกับการกุศล ซึ่งจำเลยเองในฐานะภริยาของโจทก์ซึ่งเป็นผู้ว่าราชการจังหวัด จึงน่าจะกระทำได้จะเห็นได้ว่าเป็นเรื่องเกี่ยวกับการกุศลทั้งสิ้น จึงถือไม่ได้เช่นกันว่าเป็นการประพฤติชั่ว สำหรับกรณีที่จำเลยมีหนังสือร้องเรียนโจทก์ จะถือว่าเป็นการกระทำที่เป็นปฏิปักษ์ต่อการเป็นสามีภริยากันอย่างร้างแรงหรือไม่ เห็นว่าการเป็นปฏิปักษ์ต่อการเป็นสามีภริยากันอย่างร้ายแรงหมายความว่าการกระทำที่เป็นอุปสรรคหรือขัดขวาง ที่สามีและภริยาจะดำเนินชีวิตครอบครัวอย่างปกติสุขหรือการกระทำที่เป็นอุปสรรคหรือขัดขวางต่อความสัมพันธ์ระหว่างสามีภริยาเกี่ยวกับความเป็นอยู่ร่วมกันอันอาจก่อให้เกิดอันตรายแก่กายและจิตใจของคู่สมรสอีกฝ่ายหนึ่งการกระทำของจำเลยเป็นการทำหนังสือถึงผู้บังคับบัญชาของโจทก์โดยเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตามความจริง เป็นการกล่าวป้องกันส่วนได้เสียของจำเลยมิให้โจทก์แสดงต่อบุคคลภายนอกว่าจำเลยมิใช่ภริยาโจทก์ดังที่แล้วมาหาได้เป็นการใส่ความโจทก์ แม้จำเลยจะใช้ถ้อยคำว่า “เรื่องความประพฤติของนายจินต์ วิภาตะกลัศ”ก็ตาม การกระทำของจำเลยยังไม่เป็นพฤติการณ์เพียงพอที่จะถือว่าจำเลยกระทำการเป็นปฏิปักษ์ต่อการเป็นสามีภริยากันอย่างร้ายแรงแต่อย่างใด
พิพากษายืน

Share