คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 534/2491

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ฟ้องโจทก์กล่าวยืนยันว่าจำเลยมีหน้าที่ปกครองรักษาทรัพย์ของทางราชการ ทรัพย์นั้นหายไปโดยจำเลยยักยอกเองหรือยินยอมให้ผู้อื่นยักยอกโดยจำเลยรู้เห็นเป็นใจด้วยดั่งนี้ เป็นฟ้องที่บรรยายพอสมควรที่จะให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดีแล้ว ไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเป็นนายสิบประจำการสังกัดกองพันที่ 1 กรมทหารปืนใหญ่ที่ 2 มีตำแหน่งหน้าที่เป็นจ่ากองร้อยที่ 2 ได้กระทำผิดกฎหมายกล่าวคือ เมื่อระหว่างวันที่ 9 สิงหาคม ถึงวันที่ 11 พฤศจิกายน 2489 เวลาใดไม่ปรากฏ จำเลยได้มีเจตนาทุจริตบังอาจเบียดบังยักยอกเอาทรัพย์สิ่งของหลวงสำหรับใช้ในราชการทหารอันอยู่ในหน้าที่ของจำเลยไว้เป็นอาณาประโยชน์ของจำเลยเองไปหลายอย่างรวมราคา 3,633 บาท หรือมิฉะนั้นจำเลยรู้เห็นเป็นใจยอมให้ผู้อื่นยักยอกเอาทรัพย์ดังกล่าวแล้วไป โดยจำเลยมิได้มีอำนาจที่จะกระทำได้โดยชอบด้วย กฎหมายขอให้ลงโทษตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 131, 314, 319

ศาลชั้นต้นเห็นว่าข้อเท็จจริงตกอยู่ในฐานสงสัยและฟ้องโจทก์เคลือบคลุม จึงพิพากษายกฟ้อง

ศาลทหารกลางพิพากษากลับว่าจำเลยมีความผิดตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 131 จำคุก 3 ปี

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า การยักยอกทรัพย์เอาเป็นประโยชน์ของมันเองก็ดีหรือมันยอมให้ผู้อื่นยักยอกเอาไปโดยมันรู้เห็นเป็นใจด้วยก็ดีเป็นความผิดฐานยักยอกอันบัญญัติไว้ในมาตราเดียวกันตามฟ้องโจทก์กล่าวยืนยันว่าจำเลยมีหน้าที่ปกครองรักษาทรัพย์ในคลังกองร้อยทรัพย์นั้นหายไป โดยจำเลยยักยอกเอง หรือยินยอมให้ผู้อื่นยักยอกตรงตามกฎหมาย การบรรยายฟ้องดังกล่าวนี้ พอสมควรที่จะให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดีแล้ว หาเป็นฟ้องเคลือบคลุมไม่

ส่วนข้อเท็จจริง คงฟังตามศาลอุทธรณ์ว่าจำเลยยักยอกทรัพย์ไปจริง

จึงพิพากษายืน

Share