คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5338/2553

แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ

ย่อสั้น

พ.ร.บ. ว่าด้วยข้อสัญญาที่ไม่เป็นธรรมฯ มาตรา 4 วรรคหนึ่ง บัญญัติให้ข้อตกลงในสัญญาระหว่างผู้บริโภคกับผู้ประกอบธุรกิจการค้าหรือวิชาชีพ หรือในสัญญาสำเร็จรูป หรือสัญญาขายฝากที่ทำให้ผู้ประกอบธุรกิจการค้าหรือวิชาชีพหรือผู้กำหนดสัญญาสำเร็จรูป หรือผู้ซื้อฝากได้เปรียบคู่สัญญาอีกฝ่ายหนึ่งเกินสมควรเป็นข้อสัญญาที่ไม่เป็นธรรม และให้มีผลบังคับได้เพียงเท่าที่เป็นธรรมและพอสมควรแก่กรณีเท่านั้น และวรรคสาม (1) กำหนดให้ข้อตกลงยกเว้นหรือข้อจำกัดความรับผิดที่เกิดจากการผิดสัญญาที่มีลักษณะหรือมีผลให้คู่สัญญาอีกฝ่ายหนึ่งปฏิบัติหรือรับภาระเกินกว่าที่วิญญูชนจะพึงคาดหมายได้ตามปกติ เป็นข้อตกลงที่อาจถือได้ว่าทำให้ได้เปรียบคู่สัญญาอีกฝ่ายหนึ่ง ดังนั้น การจะพิจารณาว่าข้อจำกัดความผิดของจำเลยทั้งสองตามใบรับขนของทางอากาศเป็นข้อสัญญาที่ไม่เป็นธรรมหรือไม่ จึงต้องพิจารณาว่าข้อจำกัดความรับผิดนั้นเป็นผลให้จำเลยทั้งสองซึ่งเป็นผู้กำหนดเงื่อนไขและข้อจำกัดความรับผิดได้เปรียบผู้ส่งซึ่งเป็นคู่สัญญาอีกฝ่ายหนึ่งเกินสมควรหรือไม่ เห็นว่า สัญญารับขนของทางอากาศระหว่างผู้ส่งกับจำเลยทั้งสองมีลักษณะเป็นสัญญาต่างตอบแทนซึ่งคู่สัญญาต่างมีหนี้ที่จะต้องชำระตอบแทนกัน โดยหนี้ที่ผูกพันฝ่ายหนึ่งเป็นมูลฐานของการชำระหนี้ของอีกฝ่ายหนึ่ง จำเลยทั้งสองซึ่งเป็นผู้ขนส่งมีหน้าที่ที่จะต้องขนส่งสินค้าไปส่งให้แก่ผู้รับตราส่ง หากสินค้าสูญหายหรือเสียหายอันเกิดขึ้นจากการผิดสัญญาก็ต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหาย ส่วนผู้ส่งก็มีหน้าที่ที่ต้องชำระค่าระวางขนส่งตามอัตราที่ตกลงกัน ซึ่งจากเงื่อนไขการขนส่งที่กล่าวมาเห็นได้ชัดเจนว่า อัตราค่าระวางที่ผู้ส่งต้องรับภาระจะสัมพันธ์โดยตรงกับมูลค่าสินค้าที่สำแดงเพื่อการขนส่งเช่นเดียวกับจำนวนความรับผิดกรณีสินค้าสูญหายหรือเสียหายโดยเป็นสัดส่วนที่เพิ่มขึ้นตามกันหากสำแดงราคาสินค้าไว้สูง ผู้ส่งก็จะต้องเสียค่าขนส่งเพิ่มขึ้นแต่หากสินค้าสูญหายหรือเสียหายก็จะได้รับการชดใช้ตามมูลค่าที่สำแดงไว้ แต่ไม่เกินจำนวนที่กำหนดเท่านั้น ดังนั้น มูลค่าสินค้าเพื่อการขนส่งที่ระบุจึงเป็นเกณฑ์ในการคำนวณราคาค่าระวางขนส่งและจำนวนความรับผิด การที่ผู้ขนส่งคิดค่าระวางเพิ่มขึ้นก็เนื่องมาจากมีต้นทุนเพิ่มขึ้นจากการเพิ่มภาระในการชดใช้ค่าสินไหมทดแทน หนี้ที่คู่สัญญาทั้งสองฝ่ายจะต้องชำระตอบแทนกันในส่วนนี้ จึงถือเป็นหนี้ที่มีความสำคัญขนาดเดียวกัน หากผู้ส่งต้องการค่าสินไหมทดแทนที่มากขึ้นก็ต้องยอมจ่ายค่าระวางขนส่งสูงขึ้นจึงจะเป็นธรรมแก่คู่สัญญาทั้งสองฝ่าย พิเคราะห์จากข้อเท็จจริงที่ว่าสินค้าที่ผู้ส่งจ้างให้จำเลยทั้งสองขนส่งมีมูลค่าเกินกว่าจำนวนสูงสุดที่จำเลยที่ 2 อนุญาตให้สำแดงได้ไปมาก ประกอบพฤติการณ์ที่ผู้ส่งซึ่งเป็นลูกค้าที่ใช้บริการขนส่งสินค้าของจำเลยที่ 2 ไปต่างประเทศอยู่เป็นประจำย่อมทราบดีถึงเงื่อนไขการขนส่งและข้อจำกัดความรับผิดของจำเลยที่ 2 แต่สมัครใจเข้าทำสัญญารับขนของทางอากาศกับจำเลยที่ 2 และไม่ได้แจ้งหรือระบุมูลค่าสินค้าเพื่อการขนส่งไว้ ทั้งยังได้ทำประกันภัยเพื่อคุ้มครองความเสี่ยงภัยจากการสูญหายหรือเสียหายของสินค้าระหว่างการขนส่งกับโจทก์เต็มมูลค่าของสินค้าโดยยอมเสียเบี้ยประกันภัยอันเป็นทางเลือกอย่างอื่น แสดงให้เห็นชัดถึงเจตนาที่จะเข้าเอาประโยชน์จากการที่จะไม่ต้องเสียค่าระวางเพิ่มและหากสินค้าสูญหายหรือเสียหายผู้ส่งยังได้รับชดใช้ตามกรมธรรม์ประกันภัย ดังนั้น เมื่อพิจารณาตามพฤติการณ์ ทางเลือกและทางได้เสียทุกอย่างของผู้ส่งกับจำเลยทั้งสอง เห็นว่า เงื่อนไขการขนส่งและข้อจำกัดความผิดตามใบรับขนของทางอากาศดังกล่าวมิได้มีผลให้ผู้ส่งซึ่งเป็นผู้เอาประกันภัยรับภาระเกินกว่าที่วิญญูชนจะพึงคาดหมายได้ตามปกติ หรือทำให้จำเลยทั้งสองซึ่งเป็นผู้ขนส่งได้เปรียบผู้เอาประกันภัยเกินสมควรแต่อย่างใด ข้อจำกัดความรับผิดของจำเลยที่ 2 จึงมิใช่ข้อสัญญาที่ไม่เป็นธรรมและบังคับได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า ห้างหุ้นส่วนจำกัดอิมพีเรียลเอ็มโพเรียมว่าจ้างให้จำเลยทั้งสองขนส่งสินค้าเครื่องประดับเงินจำนวน 2 กล่อง ทางอากาศจากท่าอากาศยานกรุงเทพไปส่งให้แก่บริษัทอิมพอร์ต เวิร์ล จำกัด ผู้ซื้อซึ่งเป็นผู้รับตราส่งที่ประเทศสหรัฐอเมริกา จำเลยที่ 1 ออกใบรับขนของทางอากาศให้แก่ผู้ส่งไว้เป็นหลักฐาน ผู้ส่งได้ทำสัญญาประกันภัยการขนส่งสินค้าดังกล่าวไว้กับโจทก์ ผู้ส่งมอบสินค้าให้แก่จำเลยทั้งสองในสภาพเรียบร้อยและครบถ้วน จำเลยที่ 1 เป็นผู้ขนส่งทอดแรกในราชอาณาจักรแล้วส่งมอบสินค้าให้จำเลยที่ 2 ขนส่งทางอากาศไปปลายทาง แต่เมื่อถึงกำหนดส่งมอบสินค้า ผู้รับตราส่งแจ้งว่าได้รับสินค้าไม่ครบถ้วน ตรวจพบว่าสินค้าสูญหายไป 1 กล่อง ระหว่างการขนส่ง ผู้ส่งได้ทวงถามให้จำเลยทั้งสองรับผิดชดใช้ค่าเสียหาย จำเลยทั้งสองเพิกเฉย ผู้ส่งจึงเรียกร้องจากโจทก์ตามสัญญาประกันภัย โจทก์ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่ผู้ส่งซึ่งเป็นผู้เอาประกันภัยไป และรับช่วงสิทธิเรียกร้องจากผู้เอาประกันภัยให้จำเลยทั้งสองรับผิด โดยโจทก์ขอคิดดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปีของต้นเงินดังกล่าวนับแต่วันที่โจทก์ได้ใช้เงินไปจนถึงวันฟ้อง ขอให้บังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงินนับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยทั้งสองให้การว่า โจทก์ไม่ได้รับประกันภัยความเสียหายของสินค้า กรมธรรม์ประกันภัยไม่มีข้อความตามที่กฎหมายกำหนด กล่าวคือ ไม่ระบุภัยที่รับเสี่ยง จำนวนเบี้ยประกัน กำหนดเวลาที่รับประกันภัย ทางและวิธีการขนส่งจึงไม่สมบูรณ์ไม่มีผลบังคับตามกฎหมาย โจทก์จึงไม่อาจรับช่วงสิทธิมาเรียกร้องค่าเสียหายจากจำเลยทั้งสองได้ สินค้าพิพาทคดีนี้เป็นเครื่องประดับเงินซึ่งถือเป็นของมีค่าอย่างอื่นๆ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 620 แต่ผู้ส่งมิได้บอกราคาที่แท้จริงหรือสภาพแห่งของไว้ในขณะที่ส่งมอบสินค้าและไม่ได้ระบุหรือสำแดงราคาหรือมูลค่าสินค้าเพื่อการขนส่งไว้ในใบรับขนของทางอากาศ จำเลยทั้งสองจึงไม่ต้องรับผิดต่อการสูญหายของสินค้า การสำแดงราคาในใบรับขนของทางอากาศในช่อง Value for Customs เป็นเพียงเพื่อดำเนินพิธีการศุลกากรเท่านั้น มิใช่เป็นการบอกราคาที่แท้จริงของสินค้าตามความหมายของมาตรา 620 ผู้ส่งรายนี้เป็นลูกค้าประจำที่ได้เปิดบัญชีเดินสะพัดไว้กับจำเลยทั้งสอง ผู้ส่งรับทราบและตกลงโดยชัดแจ้งกับข้อยกเว้น และข้อจำกัดความรับผิดของจำเลยกรณีสินค้าสูญหายหรือเสียหายตามข้อความในใบรับขนของทางอากาศและหนังสือคู่มือมาตรฐานการขนส่งที่จำเลยจัดส่งให้ การขนส่งสินค้ารายนี้ ผู้ส่งไม่ได้สำแดงราคาสินค้าเพื่อการขนส่งและชำระค่าระวางขนส่งในอัตราขั้นต่ำ จำเลยทั้งสองสามารถจำกัดความรับผิดตามที่ระบุในใบรับขนของทางอากาศไว้ที่จำนวน 20 ดอลลาร์สหรัฐ ต่อ 1 กิโลกรัม โจทก์ไม่มีหน้าที่ที่จะต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่ผู้ส่ง ผู้ส่งแจ้งราคาสินค้าเพื่อพิธีการศุลกากรไว้ แต่โจทก์อ้างว่าได้ชำระค่าสินไหมทดแทนแก่ผู้ส่งตามวงเงินประกันภัยซึ่งสูงกว่าราคาที่แท้จริงของสินค้า ดังนั้น หากจำเลยทั้งสองต้องรับผิดต่อผู้ส่งก็ไม่ใช่จำนวนตามที่โจทก์เรียกร้อง ขอให้ยกฟ้อง
ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางวินิจฉัยว่า ข้อตกลงจำกัดความรับผิดด้านหลังใบรับขนของทางอากาศ มีลักษณะเป็นข้อตกลงที่ได้ทำไว้ล่วงหน้า เพื่อยกเว้นหรือจำกัดความรับผิดเพื่อละเมิดหรือผิดสัญญาในความเสียหายต่อทรัพย์สินอันเกิดจากการกระทำของลูกหนี้เองหรือของบุคคลอื่นที่ลูกหนี้ต้องรับผิดด้วยตามพระราชบัญญัติว่าด้วยข้อสัญญาที่ไม่เป็นธรรม พ.ศ.2540 มาตรา 8 วรรคสอง จึงมีผลเพียงเท่าที่บังคับได้เพียงเท่าที่เป็นธรรมและพอสมควรแก่กรณีตามมาตรา 10 พิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงินจำนวน 98.538.04 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงินจำนวนดังกล่าวเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ แต่ดอกเบี้ยถึงวันฟ้องต้องไม่เกินตามที่โจทก์ขอ กับให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศวินิจฉัยว่า “…พระราชบัญญัติว่าด้วยข้อสัญญาที่ไม่เป็นธรรม พ.ศ.2540 มาตรา 4 วรรคหนึ่ง บัญญัติให้ข้อตกลงในสัญญาระหว่างผู้บริโภคกับผู้ประกอบธุรกิจการค้า หรือวิชาชีพ หรือในสัญญาสำเร็จรูป หรือในสัญญาขายฝากที่ทำให้ผู้ประกอบธุรกิจการค้า หรือวิชาชีพ หรือผู้กำหนดสัญญาสำเร็จรูป หรือผู้ซื้อฝากได้เปรียบคู่สัญญาอีกฝ่ายหนึ่งเกินสมควรเป็นข้อสัญญาที่ไม่เป็นธรรมและให้มีผลบังคับได้เพียงเท่าที่เป็นธรรมและพอสมควรแก่กรณีเท่านั้น และในวรรคสาม (1) กำหนดให้ข้อตกลงยกเว้นหรือข้อจำกัดความรับผิดที่เกิดจากการผิดสัญญาที่มีลักษณะหรือมีผลให้คู่สัญญาอีกฝ่ายหนึ่งปฏิบัติหรือรับภาระเกินกว่าที่วิญญูชนจะพึงคาดหมายได้ตามปกติ เป็นข้อตกลงที่อาจถือได้ว่าทำให้ได้เปรียบคู่สัญญาอีกฝ่ายหนึ่ง ดังนั้น การจะพิจารณาว่าข้อจำกัดความรับผิดของจำเลยทั้งสองตามใบรับขนของทางอากาศ เอกสารหมาย จ.4 เป็นข้อสัญญาที่ไม่เป็นธรรมหรือไม่จึงต้องพิจารณาว่าข้อจำกัดความรับผิดนั้นเป็นผลให้จำเลยทั้งสองซึ่งเป็นผู้กำหนดเงื่อนไขและข้อจำกัดความรับผิดนั้นได้เปรียบผู้ส่งซึ่งเป็นคู่สัญญาอีกฝ่ายหนึ่งเกินสมควรหรือไม่ ข้อเท็จจริงได้ความตามทางนำสืบของจำเลยทั้งสองโดยโจทก์มิได้โต้แย้งเป็นอย่างอื่นว่าใบรับขนของทางอากาศซึ่งเป็นแบบฟอร์มของจำเลยที่ 2 ด้านหน้ามีช่องให้ผู้กรอกรายละเอียดของสินค้า โดยรายการสำแดงราคาสินค้าแยกออกเป็น 2 ช่องย่อย คือช่องสำแดงราคาสินค้าเพื่อดำเนินพิธีการศุลกากรซึ่งผู้ส่งทุกรายจำเป็นต้องระบุไว้เพื่อคำนวณการเสียภาษี กับช่องสำแดงราคาสินค้าเพื่อการขนส่ง ซึ่งไม่บังคับให้ผู้ส่งต้องสำแดง ผู้ส่งจะระบุหรือไม่ระบุก็ได้ แต่หากมีการระบุราคาสินค้าที่ช่องนี้จะส่งผลต่ออัตราการคิดค่าธรรมเนียมการขนส่งและข้อจำกัดความรับผิดของจำเลยที่ 2 ในกรณีสินค้าสูญหาย เสียหายหรือขนส่งล่าช้า กล่าวคือ หากผู้ส่งไม่สำแดงราคาเพื่อการขนส่งไว้ในใบรับขนของทางอากาศ ความรับผิดของจำเลยที่ 2 จะจำกัดไว้สูงสุดไม่เกิน 100 ดอลลาร์สหรัฐ ต่อการขนส่ง 1 เที่ยว หรือ 20 ดอลลาร์สหรัฐ ต่อน้ำหนักสินค้า 1 กิโลกรัม แล้วแต่จำนวนใดจะมากกว่า แต่หากผู้ส่งประสงค์จะให้จำเลยที่ 2 รับผิดตามจำนวนราคาสินค้าที่สำแดงไว้ ซึ่งเป็นจำนวนที่สูงกว่าข้อจำกัดความรับผิดของจำเลยที่ 2 กรณีทั่วไปผู้ส่งจะต้องสำแดงราคาสินค้าเพื่อการขนส่งไว้ในใบรับขนของทางอากาศ และกรณีนี้ผู้ส่งจะต้องเสียค่าธรรมเนียมการขนส่งบวกค่าบริการประกันภัยเพิ่มขึ้นในอัตรา 0.4 ดอลลาร์สหรัฐ ต่อราคาสินค้าที่เพิ่มขึ้นทุกๆ 100 เหรียญ และหากเป็นสินค้าประเภทอัญมณี จำเลยที่ 2 จะอนุญาตให้ผู้ส่งสำแดงมูลค่าของสินค้าเพื่อการขนส่งเป็นเงินไม่เกิน 500 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งหมายความว่าจำเลยที่ 2 จะจำกัดความรับผิดไว้ไม่เกินมูลค่าที่สำแดงไว้แต่ทั้งนี้ต้องไม่เกิน 500 ดอลลาร์สหรัฐ การสำแดงมูลค่าเพื่อการขนส่งที่เกินกว่า 500 ดอลลาร์สหรัฐ จะถือว่าไม่มีผล และกรณีที่ผู้ส่งเลือกที่จะไม่สำแดงมูลค่าเพื่อการขนส่งจำเลยที่ 2 จะคิดค่าธรรมเนียมการขนส่งตามน้ำหนักของสินค้า สำหรับสินค้าพิพาทรายนี้ผู้ส่งไม่ได้สำแดงมูลค่าเพื่อการขนส่งไว้ในใบรับขนของทางอากาศ จำเลยที่ 2 จึงคิดค่าธรรมเนียมการขนส่งตามน้ำหนักของสินค้า เห็นว่า สัญญารับขนของทางอากาศระหว่างผู้ส่งกับจำเลยทั้งสองมีลักษณะเป็นสัญญาต่างตอบแทนซึ่งคู่สัญญาต่างมีหนี้ที่จะต้องชำระตอบแทนกัน โดยหนี้ที่ผูกพันฝ่ายหนึ่งเป็นมูลฐานของการชำระหนี้ของอีกฝ่ายหนึ่ง จำเลยทั้งสองซึ่งเป็นผู้ขนส่งมีหน้าที่ที่จะต้องขนส่งสินค้าไปส่งให้แก่ผู้รับตราส่ง หากสินค้าสูญหายหรือเสียหายอันเกิดขึ้นจากการผิดสัญญาก็ต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหาย ส่วนผู้ส่งก็มีหน้าที่ที่ต้องชำระค่าระวางขนส่งตามอัตราที่ตกลงกัน ซึ่งจากเงื่อนไขการขนส่งที่กล่าวมาเห็นได้ชัดว่า อัตราค่าระวางที่ผู้ส่งต้องรับภาระจะสัมพันธ์โดยตรงกับมูลค่าสินค้าที่สำแดงเพื่อการขนส่งเช่นเดียวกับจำนวนความรับผิดกรณีสินค้าสูญหายหรือเสียหายโดยเป็นสัดส่วนที่เพิ่มขึ้นตามกัน หากสำแดงราคาสินค้าไว้สูง ผู้ส่งก็ต้องเรียกค่าขนส่งเพิ่มขึ้น แต่หากสินค้าสูญหายหรือเสียหายก็จะได้รับการชดใช้ตามมูลค่าที่สำแดงไว้แต่ไม่เกินจำนวน 500 ดอลลาร์สหรัฐตามที่จำเลยที่ 2 กำหนดเท่านั้น ดังนั้น มูลค่าสินค้าเพื่อการขนส่งที่ระบุจึงเป็นเกณฑ์ในการคำนวณราคาค่าระวางขนส่งและจำนวนความรับผิด การที่ผู้ขนส่งคิดค่าระวางเพิ่มขึ้นก็เนื่องมาจากมีต้นทุนเพิ่มขึ้นจากการเพิ่มภาระในการชดใช้ค่าสินไหมทดแทน หนี้ที่คู่สัญญาทั้งสองฝ่ายจะต้องชำระตอบแทนกันในส่วนนี้จึงถือเป็นหนี้ที่มีความสำคัญขนาดเดียวกัน หากผู้ส่งต้องการค่าสินไหมทดแทนที่มากขึ้นก็ต้องยอมจ่ายค่าระวางขนส่งสูงขึ้นจึงจะเป็นธรรมแก่คู่สัญญาทั้งสองฝ่าย พิเคราะห์จากข้อเท็จจริงที่ว่าสินค้าที่ผู้ส่งจ้างให้จำเลยทั้งสองขนส่งมีมูลค่ารวม 7,952.03 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเกินกว่าจำนวนสูงสุดที่จำเลยที่ 2 อนุญาตให้สำแดงได้ คือ 500 ดอลลาร์สหรัฐ ไปมาก ประกอบพฤติการณ์ที่ผู้ส่งซึ่งเป็นลูกค้าที่ใช้บริการขนส่งสินค้าของจำเลยที่ 2 ไปต่างประเทศอยู่เป็นประจำย่อมทราบดีถึงเงื่อนไขการขนส่งและข้อจำกัดความรับผิดของจำเลยที่ 2 แต่สมัครใจเข้าทำสัญญารับขนของทางอากาศกับจำเลยที่ 2 และไม่ได้แจ้งหรือระบุมูลค่าสินค้าเพื่อการขนส่งไว้ ทั้งยังได้ทำประกันภัยเพื่อคุ้มครองความเสี่ยงภัยจากการสูญหายหรือเสียหายของสินค้าระหว่างการขนส่งกับโจทก์เต็มมูลค่าของสินค้าโดยยอมเสียเบี้ยประกันภัยอันเป็นทางเลือกอย่างอื่น แสดงให้เห็นชัดถึงเจตนาที่จะเข้าเอาประโยชน์จากการที่จะไม่ต้องเสียค่าระวางเพิ่ม และหากสินค้าสูญหายหรือเสียหายผู้ส่งยังได้รับชดใช้ตามกรมธรรม์ประกันภัย ดังนั้น เมื่อพิจารณาตามพฤติการณ์ ทางเลือกและทางได้เสียทุกอย่างของผู้ส่งกับจำเลยทั้งสองแล้ว เห็นว่า เงื่อนไขการขนส่งและข้อจำกัดความรับผิดตามใบรับขนของทางอากาศเอกสารหมาย จ.4 ดังกล่าวมิได้มีผลให้ผู้ส่งซึ่งเป็นผู้เอาประกันภัยรับภาระเกินกว่าที่วิญญูชนจะพึงคาดหมายได้ตามปกติหรือทำให้จำเลยทั้งสองซึ่งเป็นผู้ขนส่งได้เปรียบผู้เอาประกันภัยเกินสมควรแต่อย่างใด ข้อจำกัดความรับผิดของจำเลยที่ 2 จึงมิใช่ข้อสัญญาที่ไม่เป็นธรรมและบังคับได้ ที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางพิพากษาให้จำเลยทั้งสองรับผิดชำระเงินต่อโจทก์ โดยนำบทบัญญัติตามมาตรา 10 แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยข้อสัญญาที่ไม่เป็นธรรม พ.ศ.2540 มาใช้บังคับให้จำเลยทั้งสองในคดีนี้ต้องรับภาระเกินกว่าจำนวนความรับผิดตามที่ระบุในใบรับขนของทางอากาศ เอกสารหมาย จ.4 ไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ อุทธรณ์ของจำเลยทั้งสองข้อนี้ฟังขึ้น เมื่อสินค้าที่สูญหายมีน้ำหนัก 13.86 กิโลกรัม จำเลยที่ 2 จึงต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่ผู้เอาประกันภัยเป็นเงิน 277.20 ดอลลาร์สหรัฐ ตามข้อจำกัดความรับผิด ซึ่งจำเลยที่ 1 ในฐานะผู้ขนส่งร่วมต้องร่วมรับผิดด้วย กรณีไม่จำต้องวินิจฉัยอุทธรณ์ข้ออื่นของจำเลยทั้งสองอีกเพราะไม่ทำให้ผลของคดีเปลี่ยนแปลง”
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้เงิน 277.20 ดอลลาร์สหรัฐ พร้อมดอกเบี้ยจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์

Share