คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 533/2490

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เดิมมีสัญญาเช่า ภายหลังได้ทำสัญญายอมความกำหนดผัดเวลที่จะออกจากที่เช่าดังนี้ถือว่า จำเลยอยู่ในที่พิพาทตามสัญญายอมความ ไม่ใช่ตามสัญญาเช่า
พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่าฯ พ.ศ.2489 ไม่คุ้มครองถึงการอยู่ในที่เช่าตามกำหนดผัดที่ทำสัญญายอมกันซึ่งได้ทำกันไว้ก่อน

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ขับไล่จำเลยพร้อมด้วยบริวารให้รื้อถอนโรงเรือนอันเป็นร้านค้า ออกจากที่ดินของโจทก์ตามสัญญายอมความซึ่งได้ทำต่ออำเภอ เมื่อวันที่ ๓๑ มกราคม ๒๔๘๙ ว่า จำเลยจะรื้อถอนไปภายใน ๓ เดือน ๑๕ วัน
จำเลยให้การว่า ได้เช่าที่ดินปลูกสร้างร้านค้า และได้ทำสัญญายอมความจริงตามฟ้อง แต่ภายหลังได้มี พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่าในภาวะคับขัน พ.ศ.๒๔๘๙ ม.๑๐ และ ๑๐ ลบล้างแล้ว สัญญายอมความตกเป็นโมฆะ และคู่ความรับกันอีกว่า ที่พิพาทอยู่ในเขตต์เทศบาล
ศาลชั้นต้นงดสืบพะยานกล้าวนิจฉัยว่า พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่าในภาวะคับขัน ๒๔๘๙ ประกาศใช้เมื่อวันที่ ๑๒ มีนาคม ๒๔๘๙ ภายหลังสัญญายอมความจึงไม่มีผลใช้บังคับถึงสัญญาอันชอบด้วยกฎหมายซึ่งได้ทำกันไว้ก่อนแล้ว พิพากษาให้ขับไล่
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกาในข้อกฏหมายว่า ที่พิพาทอยู่ในเขตต์เทศบาลสัญญายอมความตกเป็นโมฆะ
ศาลฎีกาเห็นว่า พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่าในภาวะคับขัน พ.ศ.๒๔๘๙ ม.๑๐ และ ๑๑ บัญญัติถึงเรื่องขึ้นค่าเช่าหรือแก้ไขเพิ่มเติมสัญญาเช่า แต่สัญญายอมความในคดีนี้เป็นเรื่องเลิกสัญญาเช่า ปรับกันไม่ได้ เมื่อใช้ พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า พ.ศ.๒๔๘๙ จำเลยอยู่ในที่เช่าตามกำหนดผัดที่ทำสัญญายอมกัน ไม่ใช่อยู่ในฐานะผู้เช่า พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่าคุ้มครองแต่ผู้เช่าเท่านั้น หาได้คุ้มครองถึงการอยู่โดยสัญญายอมไม่ จึงพิพากษายืน

Share