แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยเผาหย้าคาเป้นเหตุให้ไฟไหม้ต้นมะม่วงของผู้เสียหาย โดยไม่ได้กล่าวอ้างว่าจำเลยลงใจเผาต้นมะม่วง หรือจำเลยได้จุดเผาหญ้าคาในลักษณะอันน่ากลัวจะเป็นอันตรายแก่บุคคลหรือทรัพย์ของผู้อื่น ๆ เช่นนี้ย่อมลงโทษจำเลยตามมาตรา 186 หรือ 187 ที่แก้ไขไม่ได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยบังอาจวางเพลิงจุดเผาหญ้าคาในสวนของนายจ้างจำเลยเนื่องแต่การที่จำเลยจุดเผาหญ้าคานี้เป็นเหตุให้ไฟไหม้ต้นมะม่วงซึ่งมีผลแล้วของผู้เสียหายสามต้น ราคา ๓๐ บาท ขอให้ลงโทษ
ชั้นพิจารณา โจทก์แถลงว่า ข้อที่จำเลยบังอาจวางเพลิงเผาหญ้าคาของนายจ้างจำเลยนั้น โจทก์ไม่ประสงค์ให้ลงโทษเพราะจำเลยเป็นลูกจ้างย่อมมีหน้าที่เผาหย้าคาได้.
ศาลชั้นต้นจึงเห็นว่า เมื่อโจทก์ไม่ประสงค์จะให้ลงโทษจำเลยฐานจุดเผาหญ้าคาแล้ว การที่ต้นมะม่วงของผู้เสียหายเกิดไฟไหม้ขึ้น ก็ไม่เป็นความผิดตามมาตรา ๔ ที่โจทก์อ้าง ส่วนที่จะเป็นผิดตามมาตรา ๕ ที่โจทก์อ้าง ก็ต้องเป็นการจุดเผาในลักษณะอันน่ากลัวอันตรายแก่บุคคลหรือทรัพย์ของผู้อื่นจึงสั่งงดสืบพะยาน แล้วพิพากษายกฟ้องโจทก์
โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน.
โจทก์ฎีกาขอให้สืบพะยาน แล้ว พิพากษาลงโทษจำเลยตามฟ้อง ศาลฎีกาเห็นว่าการที่โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยเผาหญ้าคาเป็นเหตุให้ไฟไหม้ต้นมะม่วงของผู้เสียหายกรณีไม่เข้าเป็นความผิดตามาตรา ๑๘๖ (๕) หรือมาตรา ๑๘๗ วรรค ๒ เพราะโจทก์ไม่ได้กล่าวอ้างว่า จำเลยลงใจเผาต้นมะม่วงของผู้เสียหาย หรือจำเลยได้จุดเผาหญ้าคาในลักษณะอันน่ากลัวอันตรายแก่บุคคลหรือทรัพย์ของผู้อื่นจนเพลิงไหม้ต้นมะม่วงของผู้เสียหายขึ้น เมื่อตามข้อบรรยายความในฟ้องไม่เป็นความผิดทางอาญาอย่างไรแล้ว การที่ศาลชั้นต้นงดไม่สืบพะยาน แล้วพิพากษายกฟ้องเป็นการชอบแล้ว จึงพิพากษายืน.