คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5323/2542

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 271 กำหนดให้เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาชอบที่จะร้องขอให้บังคับคดีตามคำพิพากษาได้ภายใน 10 ปีนับแต่วันที่มีคำพิพากษา ดังนั้น เมื่อโจทก์มิได้บังคับคดีแก่จำเลยตามคำพิพากษาจนล่วงเลยกำหนดเวลาบังคับคดีดังกล่าว โจทก์จึงหมดสิทธิบังคับคดีแก่จำเลย กำหนดเวลาบังคับคดีเป็นเรื่องระยะเวลาที่เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาจะบังคับแก่ลูกหนี้ตามคำพิพากษาไม่ใช่เป็นการใช้สิทธิเรียกร้องตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ กำหนดเวลาดังกล่าวจึงไม่ใช่อายุความ ไม่อาจนำเรื่องการสละประโยชน์แห่งอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 193/24 มาใช้บังคับกับหนังสือขอผ่อนชำระหนี้ของจำเลยที่ทำถึงโจทก์ภายหลังที่ล่วงเลยกำหนดเวลาบังคับคดีแล้วนั้นได้หนังสือขอผ่อนชำระหนี้ดังกล่าวจึงไม่ใช่การสละประโยชน์แห่งอายุความ จำเลยไม่ต้องรับผิดตามหนังสือดังกล่าว

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องว่า จำเลยเป็นลูกหนี้โจทก์ตามคำพิพากษาในคดีหมายเลขแดงที่ 13664/2523 ของศาลแพ่ง ต่อมาวันที่ 12 มีนาคม 2534 จำเลยได้ละเสียซึ่งประโยชน์แห่งอายุความโดยมีหนังสือขอผ่อนชำระหนี้ตามคำพิพากษากับโจทก์เดือนละ 500 บาท ในวงเงิน 67,500 บาท โจทก์ตกลงให้จำเลยผ่อนชำระหนี้ได้แต่จำเลยผิดนัดไม่ชำระหนี้ตามที่ขอผ่อนผัน ขอให้บังคับจำเลยชำระเงินจำนวน86,099.28 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปีของต้นเงิน 75,612 บาท นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์

จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา

ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษายกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “โจทก์ฎีกาปัญหาข้อกฎหมาย ซึ่งการวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายศาลฎีกาจำต้องถือตามข้อเท็จจริงที่ศาลอุทธรณ์ได้วินิจฉัยจากพยานหลักฐานในสำนวนซึ่งศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงเป็นยุติว่าจำเลยเป็นลูกหนี้โจทก์ตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้น คดีหมายเลขแดงที่ 13664/2523 ซึ่งถึงที่สุดแล้วให้จำเลยใช้ค่าเสียหายจำนวน 67,500 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันทำละเมิดจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ โจทก์ได้ดำเนินการบังคับคดีโดยขอออกคำบังคับและหมายบังคับคดีแล้วแต่ไม่สามารถสืบหาทรัพย์สินของจำเลยได้ จนล่วงเลยเวลา 10 ปีนับแต่วันที่ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษา โดยศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน 2523 ต่อมาเมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2534 จำเลยมีหนังสือถึงโจทก์ตามเอกสารหมาย จ.2 ขอผ่อนชำระหนี้ตามคำพิพากษาในวงเงิน 67,500 บาท เป็นรายเดือน เดือนละ 500 บาท จนกว่าจะครบ คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า หนังสือขอผ่อนชำระหนี้ตามคำพิพากษาของจำเลยเป็นการสละประโยชน์แห่งอายุความ และจำเลยต้องรับผิดต่อโจทก์ตามหนังสือนี้หรือไม่ เห็นว่า ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 271 กำหนดให้เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาชอบที่จะร้องขอให้บังคับคดีตามคำพิพากษาได้ภายใน 10 ปีนับแต่วันที่มีคำพิพากษา ดังนั้น เมื่อโจทก์มิได้บังคับคดีแก่จำเลยตามคำพิพากษาจนล่วงเลยกำหนดเวลาบังคับคดีดังกล่าว โจทก์จึงหมดสิทธิบังคับคดีแก่จำเลยกำหนดเวลาบังคับคดีดังกล่าวเป็นเรื่องระยะเวลาที่เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาจะบังคับแก่ลูกหนี้ตามคำพิพากษาไม่ใช่เป็นการใช้สิทธิเรียกร้องตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ กำหนดเวลาดังกล่าวจึงไม่ใช่อายุความ ไม่อาจนำเรื่องการสละประโยชน์แห่งอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 193/24 มาใช้บังคับได้หนังสือขอผ่อนชำระหนี้ของจำเลยจึงไม่ใช่การสละประโยชน์แห่งอายุความ ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษายกฟ้อง ศาลฎีกาเห็นด้วยในผล ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น”

พิพากษายืน

Share