แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
บริษัทรับประกันภัยสนองรับทำสัญญาประกันชีวิตเพื่อผู้เอาประกันตายไปแล้วโดยบริษัทไม่รู้ถึงความตายนั้นสัญญานั้นเป็นโมฆะเพราะทำด้วยสำคัญผิดในสิ่งซึ่งเป็นสาระสำคัญแห่งนิติกรรม
ในสัญญาประกันชีวิต การใช้เงินย่อมอาศัยความทรงชีพหรือมรณะของบุคคล
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่านายตี๋ได้เอาประกันชีวิตไว้กับบริษัทจำเลยโดยกำหนดให้ ด.ช.นิตย์กับ น.ส.ม่วยเป็นผู้รับประโยชน์ บริษัทจำเลยโดยนายประวิทย์ผู้แทนของบริษัทได้รับเบี้ยประกันงวดแรกจากนายตี๋ไปเสร็จแล้ว ภายหลังทำสัญญาประกันชีวิต 1 เดือน นายตี๋ถูกคนร้ายยิงตาย ผู้รับประโยชน์ขอให้บริษัทจำเลยใช้เงินให้ตามสัญญาประกัน จำเลยไม่ยอมใช้
จำเลยให้การว่า นายประวิทย์ไม่ใช่ตัวแทนของบริษัทจำเลยไม่มีอำนาจทำสัญญา นายตี๋ชำระเบี้ยประกันงวดแรกกับนายประวิทย์เมื่อ 10 มิ.ย. 2495 แต่บริษัทจำเลยไม่ทราบว่านายตี๋ตายไปแล้วตั้งแต่ 1 มิ.ย. 2495 จึงได้ยอมรับประกันชีวิตนายตี๋
ศาลแพ่งเห็นว่า สัญญาประกันชีวิตระหว่างนายตี๋กับบริษัทจำเลยยังไม่เกิดผล จำเลยไม่ต้องรับผิด พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า บริษัทจำเลยสนองรับคำเสนอขอประกันชีวิตของนายตี๋โดยออกกรมธรรม์ให้ในวันที่ 12 มิ.ย. 2495 โดยไม่รู้ว่านายตี๋ได้ตายเสียก่อนแล้วตั้งแต่ 1 มิ.ย. 2495 สัญญาตกเป็นโมฆะตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 119 เพราะขณะที่บริษัทจำเลยสนองรับทำสัญญาประกันนั้น นายตี๋ไม่มีชีวิตเพื่อให้ประกันตาม ม. 889 แล้ว พิพากษายืน