คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 532/2500

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

บริษัทรับประกันภัยสนองรับทำสัญญาประกันชีวิตเมื่อผู้เอาประกันตายไปแล้วโดยบริษัทไม่รู้ถึงความตายนั้น สัญญานั้นเป็นโมฆะ เพราะทำด้วยสำคัญผิดในสิ่งซึ่งเป็นสาระสำคัญแห่งนิติกรรม
ในสัญญาประกันชีวิต การใช้เงินย่อมอาศัยความทรงชีพหรือมรณะของบุคคล.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่านายตี๋ได้เอาประกันชีวิตไว้กับบริษัทจำเลยโดยกำหนดให้ ด.ช.นิตย์กับ น.ส.ม่วยเป็นผู้รับประโยชน์ บริษัทจำเลยโดยนายประวิทย์ผู้แทนของบริษัทได้รับเบี้ยประกันงวดแรกจากนายตี๋ไปเสร็จแล้ว ภายหลังทำสัญญาประกันชีวิต ๑ เดือนนายตี๋ถูกคนร้ายยิงตาย ผู้รับประโยชน์ขอให้บริษัทจำเลยใช้เงินให้ตามสัญญาประกัน จำเลยไม่ยอมใช้
จำเลยให้การว่า นายประวิทย์ไม่ใช่ตัวแทนของบริษัทจำเลย ไม่มีอำนาจทำสัญญา นายตี๋ชำระเบี้ยประกันงวดแรกกับนายประวิทย์เมื่อ ๑๐ มิ.ย. ๒๔๙๕ แต่บริษัทจำเลยไม่ทราบว่านายตี๋ตายไปแล้วตั้งแต่ ๑ มิ.ย. ๒๔๙๕ จึงได้ยอมรับประกันชีวิตนายตี๋
ศาลแพ่งเห็นว่า สัญญาประกันชีวิตระหว่างนายตี๋กับบริษัทจำเลยยังไม่เกิดผล จำเลยไม่ต้องรับผิด พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า บริษัทจำเลยสนองรับคำเสนอขอประกันชีวิตของนายตี๋โดยออกกรมธรรม์ให้ในวันที่ ๑๒ มิ.ย. ๒๔๙๕ โดยไม่รู้ว่านายตี๋ได้ตายเสียก่อนแล้วตั้งแต่ ๑ มิ.ย. ๒๔๙๕ สัญญาตกเป็นโมฆะตาม ป.พ.พ. มาตรา ๑๑๙ เพราะขณะที่บริษัทจำเลยสนองรับทำสัญญาประกันนั้น นายตี๋ไม่มีชีวิตเพื่อให้ประกันตาม ม.๘๘๙ แล้ว พิพากษายืน.

Share