คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5315/2533

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ศาลตั้งโจทก์ทั้งสองเป็นผู้จัดการมรดก โจทก์ทั้งสองจะต้องจัดการมรดกร่วมกัน การดำเนินคดีในฐานะผู้จัดการมรดกเป็นส่วนหนึ่งของการจัดการมรดก เมื่อโจทก์ที่ 1 ตาย โจทก์ที่ 2 ผู้เดียวจะอุทธรณ์และฎีกาในฐานะผู้จัดการมรดกไม่ได้

ย่อยาว

โจทก์ทั้งสองฟ้องว่า โจทก์ทั้งสองเป็นผู้จัดการมรดกร่วมกันของนางเมรีหรือเมรี่ ปุณณะหิตานนท์ ผู้ตาย ตามคำสั่งศาล เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2528 ผู้ตายป่วยหนักไม่สามารถแสดงเจตนาทำนิติกรรมใด ๆ ได้ แต่ปรากฏว่าบัญชีเงินฝากประจำของผู้ตายมีการถอนเงินและโอนเงินเข้าบัญชีเลขที่ 302055 และ 302056 บัญชีละ 500,000 บาทบัญชีทั้งสามนี้ฝากไว้กับธนาคารจำเลยที่ 1 โดยมีจำเลยที่ 2 เป็นตัวแทนจำเลยที่ 1 ขอให้พิพากษาเพิกถอน ให้จำเลยทั้งสองแก้ไขให้ถูกต้อง
จำเลยทั้งสองให้การว่า การถอนและโอนเงินกระทำโดยชอบ ขอให้ยกฟ้อง
ผู้ร้องสอดทั้งสองร้องสอดว่า นางเมรีโอนเงินเข้าบัญชีผู้ร้องสอดทั้งสองโดยชอบ ขอให้ยกฟ้อง
โจทก์ให้การแก้คำร้องสอดว่า คำร้องสอดไม่ชอบ ขณะโอนเงินนางเมรีป่วยหนักไม่สามารถแสดงเจตนาได้
ระหว่างพิจารณาของศาลชั้นต้น โจทก์ที่ 1 ถึงแก่ความตายศาลชั้นต้นจำหน่ายคดีโจทก์ที่ 1
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์
โจทก์ที่ 2 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ที่ 2 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า โจทก์ทั้งสองเป็นผู้จัดการมรดกตามคำสั่งศาลโจทก์ทั้งสองจะต้องจัดการมรดกร่วมกัน เมื่อโจทก์ที่ 1 ตายโจทก์ที่ 2 ย่อมไม่มีอำนาจที่จะจัดการมรดกต่อไปตามลำพัง การดำเนินคดีในฐานะผู้จัดการมรดกเป็นส่วนหนึ่งของการจัดการมรดกโจทก์ที่ 2 ผู้เดียวอุทธรณ์และฎีกาในฐานะผู้จัดการมรดก เป็นการดำเนินคดีในชั้นอุทธรณ์และฎีกา โดยไม่ปรากฏว่ามีคำสั่งศาลอนุญาตให้โจทก์ที่ 2 เป็นผู้จัดการมรดกแต่ผู้เดียว โจทก์ที่ 2 จึงไม่มีอำนาจอุทธรณ์และฎีกา ไม่ชอบที่จะรับอุทธรณ์และฎีกาของโจทก์ที่ 2ไว้พิจารณา การที่ศาลอุทธรณ์รับวินิจฉัยอุทธรณ์ของโจทก์ที่ 2 มานั้นไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา
พิพากษายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์และยกฎีกาของโจทก์ที่ 2

Share