แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ
ย่อสั้น
ลูกหนี้ที่เป็นหนี้โจทก์ตามคำพิพากษา อันเป็นหนี้ที่อาจกำหนดจำนวนได้โดยแน่นอน เป็นจำนวนไม่น้อยกว่า 1,000,000 บาท และไม่มีทรัพย์สินใดที่จะพึงยึดมาชำระหนี้ได้ เป็นกรณีที่โจทก์อาจฟ้องลูกหนี้ให้ล้มละลายได้ถ้าลูกหนี้ยังมีชีวิตอยู่ เมื่อลูกหนี้ถึงแก่ความตายแล้ว ศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งให้จัดการทรัพย์มรดกของลูกหนี้จึงชอบแล้ว
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ศาลมีคำพิพากษาให้จัดการทรัพย์มรดกของนายพรเทพลูกหนี้ที่ตายตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483
นางนิธินาถและเด็กชายธีรภพกับเด็กหญิงธัญญธร โดยนางนิธินาถผู้แทนโดยชอบธรรมซึ่งเป็นทายาทของลูกหนี้ที่ตายให้การ ขอให้ยกฟ้อง
ทายาทลูกหนี้อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีล้มละลายวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงรับฟังยุติได้ว่า นายพรเทพหรือชานน เลิศวุฒิกุล ลูกหนี้ที่ตายเป็นหนี้โจทก์ตามคำพิพากษาของศาลจังหวัดศรีสะเกษ คดีหมายเลขแดงที่ 1040/2537
คดีมีปัญหาวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของทายาทลูกหนี้ว่า โจทก์มีอำนาจฟ้องคดีนี้หรือไม่ ทายาทลูกหนี้อุทธรณ์ว่า คำพิพากษาและหมายบังคับคดีของศาลจังหวัดศรีสะเกษระบุแจ้งชัดตรงกันว่าหากบังคับจำนองแล้วได้เงินไม่พอชำระหนี้ให้ยึดทรัพย์สินอื่นของจำเลยที่ 1 และที่ 2 ออกขายทอดตลาดนำเงินมาชำระหนี้โจทก์จนครบมิได้ระบุให้ยึดทรัพย์สินของลูกหนี้ด้วย โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องคดีนี้ เห็นว่า ตามคำพิพากษาและหมายบังคับคดีของศาลจังหวัดศรีสะเกษที่ระบุข้อความไว้ดังกล่าวเป็นการระบุถึงสิทธิของโจทก์ที่มีอยู่ตามข้อตกลงในสัญญาจำนองที่ผู้จำนองซึ่งเป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษายังคงต้องรับผิดต่อผู้รับจำนองซึ่งเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาโดยหากมีการบังคับคดียึดทรัพย์สินที่จำนองออกขายทอดตลาดแล้วได้เงินไม่พอชำระหนี้ ผู้รับจำนองซึ่งเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษายังมีสิทธิบังคับคดีกับทรัพย์สินอื่นของผู้จำนองซึ่งเป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษานำเงินมาชำระหนี้ตามคำพิพากษาจนครบถ้วนได้ แม้คำพิพากษาและหมายบังคับคดีดังกล่าวจะมิได้ระบุให้ยึดทรัพย์สินของลูกหนี้ไว้ด้วย แต่เมื่อคำพิพากษาและหมายบังคับคดีดังกล่าวระบุไว้ชัดแจ้งว่าให้ลูกหนี้ จำเลยที่ 4 และที่ 5 ซึ่งเป็นผู้ค้ำประกันหนี้ของจำเลยที่ 1 ชำระเงินคนละ 1,500,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 19 ต่อปี นับแต่วันที่ 25 มิถุนายน 2535 จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ และตามข้อเท็จจริงที่รับฟังยุติข้างต้น จำเลยที่ 1 และที่ 2 ต้องร่วมกันรับผิดชำระหนี้ตามคำพิพากษาเป็นเงิน 5,217,282.66 บาท พร้อมดอกเบี้ย โจทก์บังคับคดีกับทรัพย์จำนองได้เงินมาชำระหนี้เพียง 1,546,667 บาท ซึ่งยังไม่เพียงพอชำระหนี้ของจำเลยที่ 1 ที่เป็นลูกหนี้ชั้นต้นและผู้จำนอง หนี้ที่ลูกหนี้ต้องรับผิดตามคำพิพากษาในฐานะผู้ค้ำประกันจึงยังไม่ระงับสิ้นไป โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องคดีนี้ ส่วนที่ทายาทลูกหนี้อุทธรณ์ว่า เมื่อลูกหนี้ไม่มีทรัพย์สินใดๆ ให้จัดการ ชอบที่ศาลฎีกาจะยกฟ้องโจทก์นั้น เห็นว่า ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 82 บัญญัติว่า “ในกรณีที่ลูกหนี้ตาย หากปรากฏว่าถ้าลูกหนี้ยังมีชีวิตอยู่เจ้าหนี้อาจฟ้องให้ล้มละลายได้แล้ว เจ้าหนี้อาจฟ้องขอให้จัดการทรัพย์มรดกของลูกหนี้ตามพระราชบัญญัตินี้ได้…” ซึ่งกรณีของลูกหนี้ที่เป็นหนี้โจทก์ตามคำพิพากษา อันเป็นหนี้ที่อาจกำหนดจำนวนได้โดยแน่นอน…เป็นจำนวนไม่น้อยกว่า 1,000,000 บาท และไม่มีทรัพย์สินใดที่จะพึงยึดมาชำระหนี้ได้ เป็นกรณีที่โจทก์อาจฟ้องลูกหนี้ให้ล้มละลายได้ถ้าลูกหนี้ยังมีชีวิตอยู่ เมื่อลูกหนี้ถึงแก่ความตายแล้วและข้อเท็จจริงได้ความตามที่รับฟังยุติได้ข้างต้น ที่ศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งให้จัดการทรัพย์มรดกของลูกหนี้จึงชอบแล้ว อุทธรณ์ของทายาทลูกหนี้ล้วนฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน