แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
ปัญหาตามที่จำเลยฎีกาว่าฟ้องแย้งของจำเลยเกี่ยวกับฟ้องเดิมเพราะเป็นมูลหนี้ที่เกิดจากการเป็นหนี้กันตามเช็คพิพาทและโจทก์ต้องคืนเช็คให้จำเลยนั้นศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ได้วินิจฉัยไว้ครบถ้วนชัดแจ้งแล้วว่า หากทางพิจารณาได้ความว่าจำเลยชำระหนี้ตามเช็คพิพาทให้โจทก์แล้ว เช็คพิพาทไม่มีผลบังคับให้จำเลยต้องชำระเงินตามเช็คอีกจึงเป็นฟ้องแย้งที่ไม่จำเป็น ดังนั้น ปัญหาตามฎีกาของจำเลยจึงเป็น ปัญหาอันไม่ควรได้รับการวินิจฉัยจากศาลฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 วรรคหนึ่ง
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องว่า จำเลยที่ 1 ลงลายมือชื่อสั่งจ่ายและจำเลยที่ 2 สลักหลังเช็คพิพาทแลกเงินสดไปจากโจทก์ เมื่อเช็คถึงกำหนดชำระ โจทก์เรียกเก็บเงินไม่ได้ ขอให้จำเลยทั้งสองชำระเงินตามเช็คจำนวน363,961.50 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 15 ต่อปี
จำเลยที่ 1 ขาดนัดยื่นคำให้การ
จำเลยที่ 2 ให้การและฟ้องแย้งว่า จำเลยที่ 2 ชำระหนี้ตามเช็คแล้วโดยมอบสินค้าคิดเป็นเงินจำนวน 638,000 บาท ให้แก่โจทก์ไปแล้ว โจทก์ตกลงจะคืนเช็คพิพาทให้แก่จำเลยที่ 2 ส่วนค่าสินค้าที่เกินอยู่จำนวน308,001 บาท โจทก์จะชำระให้จำเลยที่ 2 เป็นเงินสด แต่โจทก์กลับไม่ยอมคืนเช็คพิพาทและไม่ชำระค่าสินค้าส่วนที่เกิน ขอให้ยกฟ้องและให้โจทก์คืนเช็คพิพาท
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งรับคำให้การของจำเลยที่ 2 ส่วนฟ้องแย้งของจำเลยที่ 2 นั้นไม่เกี่ยวกับฟ้องเดิม จึงไม่รับฟ้องแย้ง
จำเลยที่ 2 อุทธรณ์คำสั่ง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ 2 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ที่จำเลยที่ 2 ฎีกาว่า ฟ้องแย้งของจำเลยที่ 2เกี่ยวกับฟ้องเดิมเพราะเป็นมูลหนี้ที่เกิดจากการเป็นหนี้กันตามเช็คพิพาทและโจทก์มีหน้าที่ต้องคืนเช็คให้จำเลยที่ 2 นั้น ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ได้วินิจฉัยไว้ครบถ้วนชัดแจ้งแล้วว่า หากทางพิจารณาได้ความว่าจำเลยที่ 2ชำระหนี้ตามเช็คพิพาทให้โจทก์เสร็จสิ้นแล้ว เช็คพิพาทก็ไม่มีผลบังคับให้จำเลยที่ 2 ต้องชำระเงินตามเช็คอีกจึงเป็นฟ้องแย้งที่ไม่จำเป็น ดังนั้นปัญหาตามฎีกาของจำเลยที่ 2 จึงเป็นปัญหาอันไม่ควรได้รับการวินิจฉัยจากศาลฎีกา ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 วรรคหนึ่ง”
พิพากษายกฎีกาจำเลยที่ 2