แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
แม้ ส. กรรมการของโจทก์เรียกประชุมใหญ่โดยจำเลยทั้งสองซึ่งเป็นกรรมการด้วยจะไม่ได้มีมติให้นัดเรียกประชุมใหญ่ การนัดเรียกประชุมใหญ่จึงเป็นการฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1195 แต่หาทำให้การประชุมใหญ่และมติที่เกิดขึ้นเสียไปหรือตกเป็นโมฆะไม่ จนกว่าศาลจะมีคำสั่งหรือคำพิพากษาอันถึงที่สุดให้เพิกถอนมติของที่ประชุมใหญ่อันผิดระเบียบนั้นเสียก่อน
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัด มีจำเลยทั้งสองและนายสุภา ธีระศักดิ์ เป็นกรรมการ ประกอบกิจการผลิตและจำหน่ายน้ำดื่มบรรจุขวด โดยจำเลยทั้งสองเป็นผู้รับผิดชอบควบคุมดูแลการดำเนินงาน ด้านการเงิน การบัญชี และการภาษีของโจทก์นับแต่โจทก์ได้เริ่มประกอบกิจการนายสุภากรรมการของโจทก์พบว่าโจทก์ประสบภาวะขาดทุนอย่างหนักและมีหนี้สินอยู่เป็นจำนวนมากจึงได้เรียกประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นของบริษัทโจทก์เพื่อรายงานผลการดำเนินงานและสถานะทางการเงินของโจทก์ กับพิจารณาให้เลิกบริษัทโจทก์ด้วย ที่ประชุมผู้ถือหุ้นได้ลงมติและมติพิเศษเป็นเอกฉันท์ให้เลิกบริษัทโจทก์ โจทก์จึงได้จดทะเบียนเลิกบริษัทและแต่งตั้งนายสุภาเป็นผู้ชำระบัญชี นายสุภาได้สั่งปิดโรงงานเพื่อหยุดประกอบกิจการ กับได้แจ้งให้จำเลยทั้งสองส่งมอบเอกสารต่าง ๆ ของโจทก์อันเกี่ยวกับการเงิน การบัญชีและการภาษีซึ่งจำเลยทั้งสองได้ครอบครองตั้งแต่ขณะเป็นกรรมการของโจทก์ให้แก่ผู้ชำระบัญชีของโจทก์เพื่อจัดการชำระบัญชีตามกฎหมายต่อไป แต่จำเลยทั้งสองเพิกเฉย ทั้งยังได้เปิดโรงงานดำเนินการผลิตและจำหน่ายน้ำดื่มในนามของโจทก์ตลอดมาจนถึงวันฟ้อง แต่หาได้ส่งมอบเงินรายได้ดังกล่าวให้แก่ผู้ชำระบัญชีของโจทก์แต่อย่างใดไม่ ซึ่งโจทก์ขอคิดในอัตราวันละ 1,000 บาท คิดถึงวันฟ้องเป็นเวลา 100 วัน เป็นเงิน100,000 บาท ขอให้บังคับให้จำเลยทั้งสองหยุดประกอบกิจการผลิตและจำหน่ายน้ำดื่มในนามของโจทก์และห้ามจำเลยทั้งสองเกี่ยวข้องกับโจทก์ต่อไป ให้จำเลยทั้งสองส่งมอบเอกสารต่าง ๆ ของโจทก์อันเกี่ยวกับการเงิน การบัญชี และการภาษีของโจทก์ ให้แก่ผู้ชำระบัญชีของโจทก์เพื่อจัดการชำระบัญชีตามกฎหมาย ให้จำเลยทั้งสองส่งมอบเงินจำนวน 100,000 บาท พร้อมดอกเบี้ย และเงินรายได้จากการประกอบกิจการในอัตราวันละ 1,000 บาท นับแต่วันถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจำเลยทั้งสองจะหยุดประกอบกิจการดังกล่าว
จำเลยทั้งสองให้การว่า บริษัทโจทก์ไม่ได้แต่งตั้งนายสุภาธีระศักดิ์ ให้เป็นผู้ชำระบัญชีโดยชอบด้วยกฎหมาย การประชุมแต่งตั้งให้นายสุภาเป็นผู้ชำระบัญชีไม่ชอบด้วยกฎหมายเพราะไม่ได้ดำเนินการประชุมตามกฎหมาย โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง การจดทะเบียนเลิกบริษัทโจทก์เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2530 เป็นการกระทำโดยผิดกฎหมาย จึงเป็นโมฆะไม่มีผลเป็นการเลิกบริษัทโจทก์ จำเลยทั้งสองในฐานะกรรมการผู้จัดการและประธานของบริษัทโจทก์ได้กระทำการตามวัตถุประสงค์ของโจทก์โดยชอบมิได้ก่อให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์ ที่นายสุภาอ้างตนในฐานะผู้ชำระบัญชีปิดโรงงานและหยุดกิจการผลิตและจำหน่ายน้ำดื่ม เป็นการกระทำอันละเมิดต่อโจทก์และจำเลยทั้งสองตลอดจนผู้ถือหุ้นคนอื่น ๆ และก่อให้เกิดความเสียหายจำเลยทั้งสองจึงจำเป็นต้องดำเนินกิจการต่อไปเพื่อบรรเทาความเสียหายของโจทก์ จำเลยทั้งสองไม่ต้องรับผิดตามฟ้อง ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองส่งมอบเอกสารต่าง ๆ ของโจทก์อันเกี่ยวกับการเงิน การบัญชี และการภาษีของโจทก์ให้แก่นายสุภา ธีระศักดิ์ ผู้ชำระบัญชีของโจทก์เพื่อจัดการชำระบัญชีตามกฎหมายต่อไป คำขออื่นของโจทก์ให้ยก
โจทก์และจำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยทั้งสองหยุดดำเนินกิจการผลิตและจำหน่ายน้ำดื่มยี่ห้อรินของโจทก์ และให้ใช้เงินจำนวน 100,000 บาทพร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันฟ้องจนกว่าชำระเสร็จ และให้ใช้เงินอีกวันละ 1,000 บาท นับแต่วันฟ้องจนกว่าจำเลยจะหยุดกิจการแก่โจทก์ นอกจากที่แก้คงให้เป็นตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “…แม้นายสุภากรรมการของโจทก์ได้เรียกประชุมใหญ่ โดยจำเลยทั้งสองซึ่งเป็นกรรมการด้วยจะไม่ได้มีมติให้นัดเรียกประชุมใหญ่ การนัดเรียกประชุมใหญ่จึงเป็นการฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ลักษณะหุ้นส่วนบริษัท แต่หาทำให้การประชุมใหญ่และมติที่เกิดขึ้นเสียไปหรือตกเป็นโมฆะไม่ จนกว่าศาลจะมีคำสั่งหรือคำพิพากษาอันถึงที่สุดให้เพิกถอนมติของที่ประชุมใหญ่อันผิดระเบียบนั้นเสียก่อน ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1195 แต่เมื่อยังไม่ปรากฏข้อเท็จจริงดังกล่าว ต้องถือว่าการนัดเรียกประชุมและการประชุมใหญ่ที่ได้ลงมติพิเศษให้เลิกบริษัทและแต่งตั้งผู้ชำระบัญชีซึ่งศาลยังไม่ได้พิพากษาเพิกถอน มีผลเป็นการนัดเรียกประชุมและประชุมใหญ่ตามกฎหมายแล้ว มติพิเศษที่ให้เลิกบริษัทและตั้งผู้ชำระบัญชีจึงมีผลบังคับตามกฎหมายเช่นกันไม่ตกเป็นโมฆะ โจทก์จึงมีอำนาจฟ้อง เมื่อผู้ชำระบัญชีเรียกให้จำเลยทั้งสองส่งมอบเอกสารต่าง ๆ ของโจทก์อันเกี่ยวกับการเงิน การบัญชีและการภาษีของโจทก์ซึ่งอยู่ในความครอบครองของจำเลยทั้งสอง จำเลยทั้งสองจะปฏิเสธหาได้ไม่ ส่วนที่จำเลยทั้งสองฎีกาว่าไม่ทราบนัดการประชุมจึงไม่ได้ขอเพิกถอนมติของที่ประชุมใหญ่ภายในกำหนด 1 เดือนนั้น จำเลยทั้งสองมิได้ยกขึ้นต่อสู้ในคำให้การและมิได้อุทธรณ์โต้แย้งคำวินิจฉัยของศาลชั้นต้นที่ว่าได้ส่งหนังสือเชิญประชุมให้จำเลยทั้งสองโดยชอบแล้ว จึงเป็นข้อเท็จจริงที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
ส่วนที่จำเลยทั้งสองฎีกาว่า ศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงตามฟ้องโจทก์ว่ากิจการน้ำดื่มรินเป็นของโจทก์และมีรายได้วันละ 1,000บาท เนื่องจากจำเลยทั้งสองไม่ให้การปฏิเสธข้อเท็จจริงดังกล่าวเป็นการฟังข้อเท็จจริงที่ขัดต่อพยานหลักฐานนั้น เห็นว่า โจทก์ฟ้องว่าโจทก์ประกอบกิจการผลิตและจำหน่ายน้ำดื่มบรรจุขวดยี่ห้อรินที่จังหวัดนครสวรรค์ มีรายได้วันละ 2,000 บาท ถึง 3,000บาท จำเลยทั้งสองยังดำเนินการและมีรายได้ซึ่งจะต้องส่งมอบแก่ผู้ชำระบัญชีของโจทก์ แต่จำเลยทั้งสองไม่ส่งมอบจึงขอให้จำเลยทั้งสองหยุดประกอบกิจการและส่งมอบรายได้ให้แก่ผู้ชำระบัญชีของโจทก์ โดยขอคิดวันละ 1,000 บาท จนกว่าจำเลยทั้งสองจะหยุดประกอบกิจการ คิดถึงวันฟ้องเป็นเวลา 100 วัน เป็นเงิน 100,000 บาทส่วนจำเลยทั้งสองให้การเพียงว่า การที่นายสุภาอ้างตนในฐานะผู้ชำระบัญชีปิดโรงงานและหยุดกิจการผลิตและจำหน่ายน้ำดื่ม เป็นการกระทำอันละเมิดต่อโจทก์และจำเลยทั้งสองตลอดจนผู้ถือหุ้นคนอื่น ๆ จำเลยทั้งสองจึงจำเป็นต้องดำเนินกิจการต่อไปเพื่อบรรเทาความเสียหายของโจทก์เท่านั้น จำเลยทั้งสองมิได้ให้การปฏิเสธโดยชัดแจ้งว่ากิจการผลิตและจำหน่ายน้ำดื่มรินมิใช่กิจการของโจทก์แต่เป็นของจำเลยทั้งสองและมิได้มีรายได้ตามที่โจทก์ฟ้องกลับรับว่าจำเลยทั้งสองต้องดำเนินกิจการต่อไปเพื่อบรรเทาความเสียหายของโจทก์ ดังนี้ข้อเท็จจริงฟังได้ดังที่โจทก์กล่าวอ้าง โดยไม่จำต้องสืบพยานอีก ศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงดังกล่าวหาเป็นการขัดต่อพยานหลักฐานแต่อย่างใดไม่ ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษามานั้นศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาจำเลยทั้งสองฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน