คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 530/2497

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องขอให้แสดงกรรมสิทธิที่ดิน โดยบรรยายฟ้องใจความว่า โจทก์เป็นทายาทโดยธรรมของเจ้ามรดกเจ้าของกรรมสิทธิที่ดิน จำเลยไม่ใช่ทายาทไม่มิสิทธิรับมรดกแต่แม้จะฟังว่าจำเลยเป็นทายาท โจทก์ก็ได้ครอบครองเป็นเจ้าของที่เกิน 10 ปีแล้ว ฟ้องของโจทก์เช่นนี้เป็นการแสดงสิทธิโดยอ้างเหตุ 2 ประการ ซึ่งจำเลยเข้าใจและสามารถต่อสู้คดีได้ดี ไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม

ย่อยาว

โจทย์ฟ้องว่า โจทก์เป็นบุตรนายเงี๊ยบๆ ตายเมื่อ พ.ศ.๒๔๗๓ โจทก์ได้ปกครองที่นาโฉนดที่ ๓๐๙๔ ตำบลปากแรต อำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรีเป็นเวลา ๒๒ ปีแล้ว โจทก์จะขอรับมรดกที่หอทะเบียนที่ดิน จำเลยคัดค้านว่าจำเลยเป็นบุตรนางหลวงจึงเป็นหลานจริง โจทก์ก็ได้กรรมสิทธิทางครอบครองแล้ว จึงขอให้ศาลแสดงว่าโจทก์เป็นทายาทโดยธรรม รับมรดกที่ดินดั่งกล่าวแต่ผู้เดียว ฯลฯ
จำเลยให้การว่าจำเลยเป็นบุตรนางหลง นางหลงเป็นบุตรนายเงี๊ยบ จำเลยครอบครองที่พิพาทตลอดมาจนบัดนี้ และตัดฟ้องว่า ฟ้องโจทก์เคลือบคลุม
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ถอนชื่อนายเงี๊ยบออกจากโฉนดใส่ชื่อโจทก์เป็นผู้รับมรดก ฯลฯ
จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกาทั้งข้อ ก.ม.และข้อเท็จจริง
ศาลฎีกาพิเคราะห์ข้อกฎหมายที่ว่า ฟ้องโจทก์เคลือบคลุม เอาเปรียบจำเลยโดยกล่าวเป็น ๒ นัยว่าจำเลยไม่ใช่ทายาทโดยธรรมของนายเงี๊ยบประการหนึ่ง และว่าแม้เป็นทายาทจริงโจทก์ได้ครอบครองที่พิพาทมาฝ่ายเดียวจำเลยขาดสิทธิในที่พิพาทโดยอำนาจปรปักษ์ของโจทก์อีกประการหนึ่ง นั้น เห็นว่าฟ้องโจทก์เป็นการแสดงสิทธิของโจทก์โดยอ้างเหตุสองประการ ซึ่งจำเลยก็เข้าใจและสามารถให้การต่อสู้ได้เป็นอย่างดี ไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม ส่วนข้อเท็จจริง ศาลฎีกาว่าจำเลยเป็นหลานอันแท้จริงของนายเงี๊ยบ และได้ปกครองที่พิพาทตลอดมา จึงพิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์

Share