คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 53/2499

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ปรากฏตามฟ้องโจทก์ว่าจำเลยโจทก์ตกลงแบ่งแยกที่ดินกันแล้วแต่ครั้นเวลานำเจ้าพนักงานไปรังวัดกลับรังวัดเปลี่ยนทิศทางไปเสียไม่ตรงตามที่ตกลงกันไว้ ฝ่ายจำเลยว่าไม่ได้รังวัดผิดทิศทางเดิม รังวัดไปตามข้อตกลงแต่เพราะการรังวัดแบ่งแยกเป็นเหตุให้โจทก์ต้องรื้อครัวไฟ ปรากฏตามคำแถลงคู่ความรับกันว่าจำเลยมีสิทธิครึ่งหนึ่งในที่พิพาท อีกครึ่งหนึ่งเป็นของโจทก์ทั้งสองเรือนโจทก์ปลูกมา 10 ปีแล้ว การแบ่งตามที่จำเลยว่าจะต้องผ่ากลางห้องทิศตะวันออกและครัวทั้งหลังของโจทก์ไปโจทก์ว่าที่ลงนามยินยอมแบ่งเพราะเข้าใจผิดไปว่าเป็นไปตามคำขอเดิม คือไม่ต้องรื้อเรือนและว่าตามคำขอเดิมและคำขอใหม่โจทก์จำเลยได้ที่เปลี่ยนทิศทางไปหมด เช่นนี้ถือว่าฟ้องโจทก์และคำให้การของจำเลยโต้แย้งกันอยู่อย่างตรงกันข้ามในเรื่องการตกลงใหม่และการรังวัดแบ่งแยกเสร็จเรียบร้อยแล้วหรือไม่ประการใดทั้งคำแถลงของคู่ความยังไม่มีอะไรเพียงพอที่จะชี้ขาดพิพากษาคดีเรื่องนี้ได้ ศาลไม่ควรด่วนสั่งงดสืบพยานเพราะคดีจำเป็นต้องฟังข้อเท็จจริงต่อไปว่า โจทก์จำเลยได้ทำความตกลงกันเป็นสัญญาหรือไม่อย่างไรแน่.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าโจทก์ทั้งสองกับจำเลยเป็นเจ้าของที่ดินตามโฉนดที่ ๒๒๓๒ เนื้อที่ ๕ ไร่ ๘๐ วาตำบลบางเจ้าฉ่า อำเภอโพธิทอง จังหวัดอ่างทอง เมื่อวันที่ ๕ พ.ย.๙๕ โจทก์ทั้งสองและจำเลยได้ยื่นคำขอแบ่งที่ดินดังกล่าวต่อหอทะเบียนที่ดินจังหวัดอ่างทองโดยโจทก์ที่ ๒ ได้ทางทิศใต้ ๑ ส่วน ถัดขึ้นไปโจทก์ที่ ๑ ได้ ๑ ส่วน จำเลยได้ ๒ ส่วนต่อไปทางทิศเหนือสุด ครั้น พ.ศ.๒๔๙๖ ช่างแผนที่ออกไปทำการรังวัดตามคำขอนั้นจำเลยไม่รังวัดตามคำขอเดิมกลับเปลี่ยนทิศไปเสีย เป็นเหตุให้โจทก์ได้รับความเดือดร้อนโดยจะต้องรื้อบ้านเรือนและไม่มีทางเดินเข้าออกด้วย จึงขอให้แบ่งที่ดินให้โจทก์จำเลยตามคำขอเดิม ถ้าไม่ตกลงก็ให้ประมูลขายระหว่างโจทก์จำเลยแล้วเอาเงินแบ่งกัน
จำเลยสู้ว่าตกลงแบ่งกันให้มีทางลงสู่แม่น้ำน้อยทั้ง ๓ เจ้าของ เจ้าพนักงานรังวัดให้ตามที่ตกลงกันจนปักหลักหินเสร็จเรียบร้อยและโจทก์จำเลยได้ลงลายมือชื่อยินยอมตามนั้นแล้ว โจทก์กลับไม่พอใจเพราะจะต้องถูกรื้อครัวไป.
ชั้นพิจารณาคดีคู่ความรับกันว่าจำเลยมีสิทธิครึ่งหนึ่งในที่พิพาท อีกครึ่งหนึ่งเป็นของโจทก์ทั้งสองเรือนของโจทก์ปลูกมา ๑๐ ปีแล้ว การแบ่งตามที่จำเลยว่าจะต้องผ่ากลางห้องทิศตะวันออกและครัวทั้งหลังของโจทก์ไป
โจทก์แถลงว่าที่ลงนามยินยอมแบ่งเพราะเข้าใจผิดไปว่าเป็นไปตามคำขอเดิม คือไม่ต้องรื้อเรือนและโจทก์ทั้งสองได้ทางทิศใต้ ส่วนทางทิศเหนือเป็นของจำเลย ตามคำขอเดิมจำเลยไม่ได้จดแม่น้ำและโจทก์ไม่ต้องรื้อเรือนคำขอใหม่ของจำเลย ๆ จะได้ทางทิศตะวันออกและโจทก์จำเลยได้จดแม่น้ำทั้งคู่ แต่โจทก์ต้องรื้อเรือน
ศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพยานทั้งสองฝ่ายแล้ววินิจฉัยว่าข้อตกลงระหว่างโจทก์และจำเลยที่ทำขึ้นในภายหลังทำให้โจทก์เสียเปรียบมาก ส่วนจำเลยกลับได้ประโยชน์มิได้เสียอะไรตอบแทน เห็นได้ว่าเป็นกรณีสำคัญผิดทำให้สัญญาไม่สมบูรณ์ เมื่อเจ้าของรวมไม่ตกลงกันที่จะแบ่งที่ดินได้แล้ว จึงพิพากษาให้ขายที่ดินพิพาทโดยให้ประมูลราคาระหว่างโจทก์จำเลย หากไม่อาจกระทำได้ก็ให้ขายทอดตลาดเงินที่ได้แบ่งเป็น ๒ ส่วน โจทก์ ๒ คนได้ ๑ ส่วน จำเลยได้ ๑ ส่วน
จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์เห็นว่าศาลชั้นต้นไม่ได้พิจารณาชี้ขาดว่าคู่ความได้ตกลงกันไว้ตามคำขอแบ่งแยกครั้งแรกตามฟ้องโจทก์ หรือได้ตกลงกันใหม่ดังคำให้การต่อสู้คดีของจำเลยและการตกลงกันใหม่จะเป็นการสมบูรณ์ลบล้างการตกลงครั้งแรกหรือไม่ ดังนี้ยังไม่เป็นการถูกต้อง จึงพิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นดำเนินการพิจารณาและพิพากษาใหม่
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาตรวจสำนวนและประชุมปรึกษาแล้วเห็นว่าตามฟ้องของโจทก์และตามคำให้การของจำเลยโต้แย้งกันอยู่อย่างตรงกันข้ามในเรื่องการตกลงใหม่ และการรังวัดแบ่งแยกเสร็จเรียบร้อยแล้วหรือไม่ประการใด คดีจำเป็นต้องฟังข้อเท็จจริงต่อไปว่าโจทก์จำเลยได้ทำความตกลงกันเป็นสัญญาหรือไม่อย่างไรแน่ คำแถลงของคู่ความยังไม่มีอะไรเพียงพอที่จะชี้ขาดพิพากษาคดีเรื่องนี้ได้ เหตุนี้ศาลฎีกาจึงพิพากษายืนในข้อที่ศาลอุทธรณ์พิพากษา ยกคำพิพากษาศาลชั้นต้น และให้ดำเนินการพิจารณาและพิพากษาใหม่นั้น.

Share