คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1564-1565/2499

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การบรรยายฟ้องในข้อหาฐานเบิดความเท็จนั้นเมื่อมีข้อความครบถ้วนตาม ป.วิ.อาญา ม.158 เกี่ยวกับการกระทำทั้งหลายที่จำเลยกระทำผิด กับบรรยายว่าจำเลยได้สาบาลตัวแล้วเอาความที่รู้ว่าเท็จมาเบิกในข้อสำคัญในคดีและข้อที่ว่าเท็จและความจริงเป็นอย่างไรอันเป็นองค์แห่งความผิดฐานเบิกความเท็จแล้วก็ย่อมเป็นฟ้องที่สมบูรณ์ ก.ม.อันพึงรับไว้พิจารณา.

ย่อยาว

คดีสองสำนวนนี้ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องและพิพากษารวมกัน โจทก์ฟ้องว่าจำเลย สาบาลตัว เอาความที่รู้อยู่ว่าเท็จมาเบิกความในข้อสำคัญในคดีเป็นพยานในสำนวนคดีแพ่งระบุเลขคดีโจทก์จำเลยมากมายหลายตอน และความจริงเป็นอย่างที่โจทก์ระบุกระทำให้โจทก์เสียหาย
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้วพิพากษาวินิจฉัยว่าเท่าที่โจทก์บรรยายฟ้องไม่สามารถเข้าใจข้อหาได้ดีว่าข้อความเท็จสำคัญแก่คดีอย่างไรไม่เป็นฟ้องอันถูกต้องตาม ก.ม.อันจะพึงรับไว้วินิจฉัย พิพากษายกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่าฟ้อง คดีนี้มีใจความครบถ้วนความในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ม.๑๕๘ กล่าวโดยเฉพาะเกี่ยวกับการกระทำทั้งหลายที่อ้างว่าจำเลยทำผิดฐานเบิกความเท็จ ฟ้องก็ได้บรรยายแล้วว่าจำเลยได้สาบาลตัวเอาความที่รู้อยอู่แล้วว่าเป็นความเท็จมาเบิกในข้อสำคัญในคดี ตลอดจนบรรยายข้อความที่เบิกซึ่งอ้างว่าเป็นเท็จและความจริงเป็นอย่างไรอันเป็นองคืแห่งความผิดฐานเบิกความเท็จ โจทก์ก็ได้กล่าวระบุหมายเลขคดีให้ปรากฏอยู่แล้ว และจำเลยในคดีนี้ได้เกี่ยวข้องเป็นคู่ความและเป็นพยานในคดีนั้นเอง ย่อมจะเข้าใจข้อหาดังกล่าวได้ดี ฟ้องคดีนี้จึงสมบูรณ์ตาม ก.ม.
จึงพิพากษาให้ยกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้วินิจฉัยข้อเท็จจริงแล้วพิพากษาใหม่.

Share