คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5290/2552

แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ

ย่อสั้น

เมทแอมเฟตามีนของกลางมีปริมาณมากบรรจุเป็นมัดเก็บซ่อนในกล่องทึบอยู่ในสถานที่มิดชิดซ่อนเร้นยากที่จะตรวจค้นพบได้โดยง่าย แม้ว่าเมทแอมเฟตามีนของกลางบางส่วนจะแยกซุกซ่อนอยู่ที่กองขยะริมรั้วหลังบ้านด้านนอก และบางส่วนซุกซ่อนอยู่กับลูกระเบิดที่ข้างเล้าไก่จากบ้านเกิดเหตุถึงประมาณ 10 เมตร และ 7 ถึง 8 เมตร ตามลำดับ แต่รอบสวนด้านหลังบ้านเกิดเหตุมีรั้วอีกชั้นหนึ่ง แสดงว่าสถานที่ซุกซ่อนของกลางมีรั้วล้อมรอบยากที่บุคคลภายนอกจะเข้ามารู้เห็นหรือเข้ามาซุกซ่อนของกลางเหล่านั้นไว้ได้ เมื่อเจ้าพนักงานตำรวจค้นพบเมทแอมเฟตามีนของกลาง จำเลยแจ้งว่าเป็นของนาย น. สามีจำเลย ซึ่งหากจำเลยไม่ทราบแน่ชัดอยู่ก่อนแล้ว ก็ไม่น่าที่จะระบุเช่นนั้น เพราะคงไม่มีใครที่จะกล่าวหาซัดทอดสามีของตนเป็นคนร้ายกระทำความผิดร้ายแรงมีโทษสถานหนักเช่นคดีนี้ได้ หากไม่เป็นความจริง ที่จำเลยอ้างว่าจำเลยไม่รู้เห็นมีส่วนเกี่ยวข้องร่วมกระทำความผิดกับนาย น. ด้วย จึงไม่มีน้ำหนักให้รับฟังได้
เมื่อผลการตรวจพิสูจน์ตามรายงานการตรวจพิสูจน์ระบุว่า ลูกระเบิดของกลางเป็นลูกระเบิดขว้างสังหารอันเป็นเครื่องกระสุนปืน และเป็นเครื่องกระสุนปืนที่นายทะเบียนจะออกใบอนุญาตให้ไม่ได้ แต่อยู่ในสภาพที่ไม่สามารถใช้การได้เนื่องจากชนวนเสื่อมสภาพ อันแสดงว่าสิ่งที่ใช้ประกอบต่างๆ ของลูกระเบิดยังมีอยู่ครบถ้วน ดังนั้น ลูกระเบิดของกลางจึงเป็นเครื่องกระสุนปืนและเป็นเครื่องกระสุนปืนที่นายทะเบียนจะออกใบอนุญาตให้ไม่ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 4, 7, 8, 15, 66, 102 พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ.2490 มาตรา 4, 6, 7, 55, 78 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 32, 83, 91 ริบของกลาง
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โจทก์ พ.ศ.2522 มาตรา 15 วรรคสอง, 66 วรรคสอง, 102 พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ.2490 มาตรา 7, 55, 78 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 เรียงกระทงลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย จำคุกตลอดชีวิต ฐานร่วมกันมีเครื่องกระสุนปืนที่นายทะเบียนไม่อาจออกใบอนุญาตให้ได้ไว้ในครอบครอง จำคุก 2 ปี รวมทุกกระทงแล้ว คงจำคุกตลอดชีวิต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 (3) ริบของกลาง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 5 พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 15 วรรคสอง (เดิม), 66 วรรคสอง (เดิม) คำให้การของจำเลยชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ประกอบมาตรา 53 หนึ่งในสาม คงจำคุกจำเลย 33 ปี 4 เดือน ให้ยกฟ้องโจทก์ข้อหามีลูกระเบิด นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้น
โจทก์และจำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “…พิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงเบื้องต้นรับฟังได้ว่า ตามวันเวลาและสถานที่เกิดเหตุตามฟ้อง เจ้าพนักงานตำรวจนำหมายค้นเข้าตรวจค้นบ้านเกิดเหตุ พบเมทแอมเฟตามีน 42,000 บาท แบ่งห่อเป็น 21 มัด มี 19 มัดอยู่ในกล่องกระดาษ นาฬิกาแขวนและกล่องโคมไฟซุกซ่อนอยู่ในกองขยะริมรั้วหลังบ้านห่างจากที่เกิดเหตุ ประมาณ 10 เมตร เมทแอมเฟตามีนที่เหลืออีก 2 มัด ซ่อนอยู่ใต้กองฟืนในโต๊ะขุดน้ำแข็งเก่าใกล้เล้าไก่ห่างบ้านเกิดเหตุ 7 ถึง 8 เมตร มีลูกระเบิด 1 ลูกอยู่ในกล่องสุราวีโอซ่อนอยู่ใกล้ๆ กันด้วย ยึดเป็นของกลาง วัตถุของกลางตรวจพิสูจน์แล้วเป็นลูกระเบิดขว้างสังหารแบบอเมริกัน เอ็ม.67 อันเป็นเครื่องกระสุนปืนที่นายทะเบียนจะออกใบอนุญาตให้ไม่ได้ และเป็นเมทแอมเฟตามีนคำนวณเป็นน้ำหนักสารบริสุทธิ์ได้ 776.881 กรัม ตามรายงานการตรวจพิสูจน์มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยว่า จำเลยมีความผิดฐานร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายตามฟ้องหรือไม่ โจทก์มีร้อยตำรวจเอกพันชาติ และสิบตำรวจเอกทอม เจ้าพนักงานตำรวจที่ร่วมตรวจค้นบ้านเกิดเหตุและจับกุม จำเลยเบิกความทำนองเดียวกันว่า วันที่ 14 พฤศจิกายน 2544 เจ้าพนักงานตำรวจจับกุมนางจันทร์แสง ภริยาของนายนิกรหรือนิพิฐพนธ์ ยึดได้เมทแอมเฟตามีน 12,700 เม็ดเป็นของกลาง และสืบสวนทราบว่านายนิกรมีจำเลยเป็นภริยาอีกคนหนึ่งและมีพฤติการณ์เกี่ยวข้องกับยาเสพติด วันรุ่งขึ้นเจ้าพนักงานตำรวจจึงขอหมายค้นจากศาลชั้นต้นเพื่อค้นบ้านเกิดเหตุของำจเลย ต่อมาเวลาประมาณ 12 นาฬิกา พยานทั้งสองกับพวกไปที่บ้านเกิดเหตุพบจำเลยและให้จำเลยนำตรวจค้นบ้านเกิดเหตุ พบเมทแอมเฟตามีน 42,000 เม็ด ห่อเป็นมัดรวม 21 มัด เมทแอมเฟตามีนดังกล่าว 19 มัดซ่อนอยู่ในกล่องนาฬิกาแขวนและกล่องโคมไฟซุกซ่อนอยู่ในกองขยะริมรั้วหลังบ้านห่างจากบ้านเกิดเหตุประมาณ 10 เมตร เมทแอมเฟตามีนที่เหลืออีก 2 มัด ซุกซ่อนอยู่ที่กองฟืนในโต๊ะขูดน้ำแข็งเก่าใกล้เล้าไก่กับพบลูกระเบิด 1 ลูก ในกล่องสุราวีโอซ่อนอยู่ใกล้ๆ กันห่างจากบ้านเกิดเหตุ 7 ถึง 8 เมตร ยึดเป็นของกลาง และได้พบถังพลาสติดสีส้มมีคราบและกลิ่นเมทแอมเฟตามีนติดอยู่ในห้องครัวในบ้านเกิดเหตุชั้นจับกุมเจ้าพนักงานตำรวจแจ้งข้อหาว่ามีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและมีเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย จำเลยให้การปฏิเสธและแจ้งว่าลูกระเบิดและเมทแอมเฟตามีนของกลางเป็นของนายนิกรสามีของตน กับมีร้อยตำรวจเอกประจบ พนักงานสอบสวนเบิกความว่า ชั้นสอบสวนพยานแจ้งข้อหาเช่นเดียวกับชั้นจับกุม จำเลยให้การปฏิเสธและนำชี้ที่เกิดเหตุประกอบคำให้การด้วย เห็นว่า พยานโจทก์ทั้งสามปากเป็นเจ้าพนักงานตำรวจ ไม่ปรากฏเหตุอันควรสงสัยว่าจะกลั่นแกล้งจำเลยและเป็นการเบิกความเกี่ยวกับการปฏิบัติราชการตามหน้าที่ เชื่อว่าเบิกความตามจริง เมทแอมเฟตามีนของกลางมีปริมาณมากบรรจุเป็นมัดเก็บซ่อนในกล่องทึบอยู่ในสถานที่มิดชิดซ่อนเร้นยากที่จะตรวจค้นพบได้โดยง่ายแม้ว่าเมทแอมเฟตามีนของกลางบางส่วนจะแยกซุกซ่อนอยู่ที่กองขยะริมรั้วหลังบ้านด้านนอก และบางส่วนซุกซ่อนอยู่กับลูกระเบิดที่ข้างเล้าไก่ห่างจากบ้านเกิดเหตุถึงประมาณ 10 เมตร และ 7 ถึง 8 เมตรตามลำดับก็ตาม แต่สิบตำรวจเอกทอมเบิกความว่า รอบสวนด้านหลังบ้านเกิดเหตุมีรั้วอีกชั้นหนึ่ง แสดงว่าในสถานที่เกิดเหตุที่ซุกซ่อนของกลางอยู่มีรั้วล้อมรอบยากที่บุคคลภายนอกจะเข้ามารู้เห็นหรือเข้ามาซุกซ่อนของกลางเหล่านั้นไว้ได้กับเจ้าพนักงานตำรวจยังได้ตรวจค้นพบถังพลาสติกสีส้มมีคราบและกลิ่นเมทแอมเฟตามีนติดอยู่ในครัวในบ้านเกิดเหตุด้วย ซึ่งสถานที่ดังกล่าวเป็นที่ที่จำเลยจะต้องเข้าออกอยู่เป็นประจำ หากนายนิกรปิดบังไม่ให้จำเลยได้มีส่วนรู้เห็นเกี่ยวกับการกระทำผิดด้วยแล้ว ก็ไม่น่าที่จะใช้และทิ้งถังพลาสติกนั้นไว้ในสถานที่ที่จำเลยจะพบเห็นได้โดยง่ายเช่นนั้น นอกจากนี้เมื่อเจ้าพนักงานตำรวจค้นพบเมทแอมเฟตามีนของกลาง จำเลยแจ้งว่าเป็นของนายนิกรซึ่งหากจำเลยไม่ทราบแน่ชัดอยู่ก่อนก็ไม่น่าที่จะระบุเช่นนั้นเพราะคงไม่มีใครที่จะกล่าวหาซัดทอดให้สามีของตนเป็นคนร้ายกระทำความผิดร้ายแรงมีโทษสถานหนักเช่นคดีนี้ได้หากไม่เป็นความจริง ดังนั้น ที่จำเลยอ้างในฎีกาว่าจำเลยไม่รู้เห็นมีส่วนเกี่ยวข้องร่วมกระทำผิดกับนายนิกรด้วยจึงไม่มีน้ำหนักให้รับฟังและไม่อาจหักล้างพยานหลักฐานโจทก์ได้
มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า จำเลยมีความผิดฐานร่วมกันมีลูกระเบิดอันเป็นเครื่องกระสุนปืนที่นายทะเบียนไม่อาจออกใบอนุญาตให้ได้ และอยู่ในสภาพที่ไม่สามารถใช้การได้ไว้ในครอบครองหรือไม่ พระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ มาตรา 4 (2) ได้กำหนดวิเคราะห์ศัพท์ให้เครื่องกระสุนปืนมีความหมายรวมตลอดถึงลูกระเบิดหรือเครื่องหรือสิ่งสำหรับอัดหรือทำหรือใช้ประกอบเครื่องกระสุนปืนด้วยโดยมิได้บัญญัติว่าลูกระเบิดที่จะเป็นเครื่องกระสุนปืนได้จะต้องทำอันตรายต่อชีวิตหรือทรัพย์สินได้ด้วย ดังนั้น เมื่อผลการตรวจพิสูจน์ตามรายงานการตรวจพิสูจน์ระบุว่าลูกระเบิดของกลางเป็นลูกระเบิดขว้างสังหารอันเป็นเครื่องกระสุนปืน และเป็นเครื่องกระสุนปืนที่นายทะเบียนจะออกใบอนุญาตให้ไม่ได้ แต่อยู่ในสภาพที่ไม่สามารถใช้การได้เนื่องจากชนวนเสื่อมสภาพ อันแสดงว่าสิ่งที่ใช้ประกอบต่างๆ ของลูกระเบิดยังมีอยู่ครบถ้วน ดังนั้น ลูกระเบิดของกลางจึงเป็นเครื่องกระสุนปืนและเป็นเครื่องกระสุนปืนที่นายทะเบียนจะออกใบอนุญาตให้ไม่ได้ตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ แล้วเมื่อจำเลยร่วมกันมีลูกระเบิดของกลางไว้ในครอบครองจึงเป็นความผิดตามฟ้อง ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 5 พิพากษามานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยบางส่วน ฎีกาของโจทก์ฟังขึ้น ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น”
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ.2490 มาตรา 7, 55, 78 วรรคหนึ่ง ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 อีกกระทงหนึ่ง ให้จำคุก 2 ปี ลดโทษให้หนึ่งในสาม คงเหลือจำคุก 1 ปี 4 เดือน เมื่อรวมทุกกระทงแล้วคงจำคุกจำเลยไว้ 34 ปี 8 เดือน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 5

Share