คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5091/2552

แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ

ย่อสั้น

โจทก์นำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินจำนองที่พิพาทของจำเลยเพื่อบังคับคดี ผู้ร้องยื่นคำร้องขัดทรัพย์ว่าที่ดินพิพาทเป็นของผู้ร้องและให้จำเลยมีชื่อในทะเบียนที่ดินแทน และผู้ร้องฟ้องจำเลยให้โอนที่ดินคืนผู้ร้อง ศาลมีคำสั่งให้เลื่อนการพิจารณาคดีร้องขัดทรัพย์เพื่อรอฟังผลคดีที่ผู้ร้องฟ้องจำเลย ซึ่งคู่ความไม่ได้โต้แย้งคำสั่ง คำสั่งของศาลย่อมเป็นที่สุด ต่อมาโจทก์ยื่นคำขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์สินอื่นของจำเลยเพิ่มเติม เจ้าพนักงานบังคับคดียกคำขออ้างว่าโจทก์ขอยึดพ้นกำหนดระยะเวลา 10 ปี นับแต่ศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุด ไม่อาจบังคับคดีได้ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 271 โจทก์จึงยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นให้เพิกถอนคำสั่งของเจ้าพนักงานบังคับคดีและให้โจทก์บังคับคดีแก่ทรัพย์สินอื่นของจำเลยต่อไป ศาลชั้นต้นยกคำร้อง โจทก์อุทธรณ์เพียงว่าโจทก์มีสิทธิร้องขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์สินอื่นของจำเลยเพิ่มเติมได้หรือไม่ ซึ่งศาลอุทธรณ์พิพากษากลับว่า ผู้ร้องไม่มีสิทธิร้องขัดทรัพย์ให้ยกคำร้องขัดทรัพย์ของผู้ร้อง ให้เจ้าพนักงานบังคับคดีขายทอดตลาดที่ดินพิพาทต่อไปเป็นการไม่ชอบ เพราะเป็นการวินิจฉัยนอกประเด็นที่โจทก์อุทธรณ์ ทั้งเป็นการผิดขั้นตอนของการวินิจฉัยที่ต้องเป็นไปตามลำดับชั้นศาล เนื่องจากคำร้องขัดทรัพย์ของผู้ร้องยังมิได้ผ่านการพิจารณาและชี้ขาดตัดสินคดีจากศาลชั้นต้นแต่อย่างใด
ศาลพิพากษาตามสัญญาประนีประนอมยอมความที่จำเลยตกลงชำระหนี้แก่โจทก์ หากไม่ชำระให้ยึดทรัพย์จำนองขายทอดตลาด หากไม่พอให้ยึดทรัพย์สินอื่นบังคับชำระหนี้ คำพิพากษากำหนดขั้นตอนการบังคับคดีโดยมีลำดับก่อนหลังไว้ชัดแจ้งโดยต้องบังคับจำนองก่อน เมื่อได้เงินไม่พอชำระหนี้จึงจะบังคับเอาแก่ทรัพย์สินของจำเลยต่อไป ตราบใดที่ยังไม่มีการบังคับคดีแก่ทรัพย์จำนอง โจทก์ก็ย่อมไม่อาจขอให้บังคับคดีแก่ทรัพย์สินอื่นของจำเลยเพิ่มเติมได้ เพราะเป็นการบังคับคดีเกินกว่าข้อตกลงในสัญญาประนีประนอมยอมความและคำพิพากษาตามยอม
การร้องขอให้บังคับคดีต้องกระทำภายใน 10 ปีนับแต่วันมีคำพิพากษาหรือคำสั่งเป็นระยะเวลาที่กำหนดไว้ใน ป.วิ.พ. มาตรา 271 ซึ่งศาลมีอำนาจที่จะออกคำสั่งขยายหรือย่นระยะเวลาได้โดยคู่ความไม่จำเป็นต้องร้องขอตาม ป.วิ.พ. มาตรา 23
เมื่อการบังคับทรัพย์จำนองไม่อาจกระทำได้เนื่องจากผู้ร้องยื่นคำร้องขัดทรัพย์จนศาลมีคำสั่งให้รอการพิจารณาคดีร้องขัดทรัพย์ไว้ก่อน ทำให้โจทก์ไม่อาจใช้สิทธิบังคับคดีแก่ทรัพย์สินอื่นของจำเลยภายในกำหนดของจำเลยภายในกำหนด 10 ปี ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 271 กรณีย่อมถือได้ว่าเป็นกรณีที่มีเหตุสุดวิสัย ดังนั้น หากมีการขายทอดตลาดทรัพย์จำนองภายหลังการยึดทรัพย์จำนองเกิน 10 ปี แล้วขายได้เงินไม่พอชำระหนี้ และโจทก์ขอบังคับคดีเอาแก่ทรัพย์สินอื่นของจำเลยเพิ่มเติมตามเงื่อนไขที่กำหนดในคำพิพากษาตามยอม ศาลย่อมมีอำนาจขยายระยะเวลาการบังคับคดีให้แก่โจทก์ โดยโจทก์จะยื่นคำขอหรือไม่ก็ได้

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาตามสัญญาประนีประนอมยอมความให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงินและดอกเบี้ยแก่โจทก์ หากไม่ชำระให้ยึดทรัพย์จำนองขายทอดตลาดนำเงินมาชำระหนี้ หากไม่พอให้ยึดทรัพย์สินอื่นของจำเลยทั้งสองขายทอดตลาดนำเงินมาชำระหนี้จนครบ แต่จำเลยทั้งสองไม่ชำระ โจทก์จึงขอหมายบังคับคดีและนำยึดทรัพย์จำนองซึ่งเป็นที่ดินพิพาทรวม 14 แปลง ขายทอดตลาดชำระหนี้ตามคำพิพากษา ผู้ร้องยื่นคำร้องขัดทรัพย์โดยอ้างว่าที่ดินพิพาทเป็นของผู้ร้อง จำเลยทั้งสองมีชื่อในทะเบียนที่ดินแทนผู้ร้องและผู้ร้องได้ฟ้องจำเลยที่ 1 กับพวก เป็นคดีแพ่งหมายเลขดำที่ 13856/2533 ให้โอนที่ดินพิพาทคืนแก่ผู้ร้องแล้วคดีดังกล่าวอยู่ระหว่างการพิจารณา ขอให้เพิกถอนการยึดที่ดินพิพาท โจทก์และจำเลยที่ 1 ให้การและยื่นคำคัดค้านว่าที่ดินพิพาทเป็นของจำเลยทั้งสอง ขอให้ยกคำร้องขัดทรัพย์ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้เลื่อนการพิจารณาคดีร้องขัดทรัพย์เพื่อรอฟังผลคดีแพ่งหมายเลขดำที่ 13856/2533 หรือหมายเลขแดงที่ 8529/2544 แล้วต่อมามีคำสั่งให้จำหน่ายคดีร้องขัดทรัพย์ออกจากสารบบความชั่วคราวเพื่อรอฟังผลคดีแพ่งหลายเลขดำที่ 13856/2533 หรือหมายเลขแดงที่ 8529/2544 แล้วต่อมามีคำสั่งให้จำหน่ายคดีร้องขัดทรัพย์ออกจากสารบบความชั่วคราวเพื่อรอฟังคำพิพากษาถึงที่สุดของคดีแพ่งดังกล่าว
โจทก์ยื่นคำร้องว่า การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งงดขายทอดตลาดที่ดินพิพาทซึ่งเป็นทรัพย์จำนองเพื่อรอฟังผลคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 8529/2544 เนื่องจากผู้ร้องยื่นคำร้องขัดทรัพย์เป็นเหตุให้โจทก์ต้องรอการยึดทรัพย์สินอื่นของจำเลยทั้งสองไปในตัวเพราะขณะนั้นที่ดินพิพาทมีราคาเพียงพอแก่การชำระหนี้ แต่ต่อมาหนี้ตามคำพิพากษาในส่วนดอกเบี้ยได้เพิ่มขึ้นทำให้ที่ดินพิพาทไม่เพียงพอแก่การชำระหนี้ โจทก์จึงยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นขอยึดทรัพย์สินอื่นของจำเลยทั้งสองออกขายทอดตลาด ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้โจทก์ไปดำเนินการทางเจ้าพนักงานบังคับคดีซึ่งเท่ากับว่าศาลชั้นต้นเห็นสมควรให้โจทก์ทำการบังคับคดีต่อไปได้ โจทก์จึงไปดำเนินการทางเจ้าพนักงานบังคับคดี แต่เจ้าพนักงานบังคับคดีมีคำสั่งยกคำขอโดยเห็นว่าโจทก์ขอยึดทรัพย์พ้นกำหนดระยเวลา 10 ปี นับแต่ศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุด ไม่อาจบังคับคดีได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 271 ซึ่งเป็นการโต้แย้งสิทธิในการบังคับคดีตามคำพิพากษาของโจทก์ เจ้าพนักงานบังคับคดีไม่มีอำนาจวินิจฉัยสั่งดังกล่าวเป็นการประวิงการบังคับคดีทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายและเป็นช่องทางช่วยเหลือลูกหนี้ที่ไม่สุจริต ขอให้เพิกถอนคำสั่งของเจ้าพนักงานบังคับคดีและให้โจทก์บังคับคดีแก่ทรัพย์สินอื่นของจำเลยทั้งสองต่อไป
จำเลยทั้งสองยื่นคำคัดค้านว่า คำสั่งเจ้าพนักงานบังคับคดีชอบแล้วตามสัญญาประนีประนอมยอมความจะต้องยึดทรัพย์จำนองขายทอดตลาดก่อนหากได้เงินไม่พอชำระหนี้จึงจะยึดทรัพย์สินอื่นของจำเลยทั้งสองได้ เมื่อยังไม่มีการขายทอดตลาดทรัพย์จำนองโจทก์จึงไม่มีสิทธิยึดทรัพย์สินอื่นของจำเลยทั้งสองทั้งปัจจุบันราคาทรัพย์จำนองก็สูงกว่าราคาที่โจทก์ประเมินหลายเท่า หลังจากมีการยึดทรัพย์จำนองแล้วจำเลยทั้งสองได้ขายที่ดินชำระหนี้ให้แก่โจทก์กว่า 100,000,000 บาท จึงเหลือหนี้ไม่มาก และโจทก์ไม่มีสิทธิยึดทรัพย์สินอื่นของจำเลยทั้งสองได้อีกเพราะเกินกำหนดระยะเวลา 10 ปี ตามกฎหมาย ขอให้ยกคำร้อง
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้อง ค่าฤชาธรรมเนียมระหว่างโจทก์และจำเลยทั้งสองให้เป็นพับ
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกคำร้องขัดทรัพย์ของผู้ร้อง ให้เจ้าพนักงานบังคับคดีขายทรัพย์จำนองนำเงินมาชำระหนี้แก่โจทก์ หากได้เงินไม่พอให้ยึดทรัพย์สินอื่นของจำเลยทั้งสองบังคับชำระหนี้แก่โจทก์จนครบ ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสองศาลให้เป็นพับ
จำเลยที่ 2 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “มีปัญหาต้องวิจิฉัยตามฎีกาของจำเลยที่ 2 ว่า ที่ศาลอุทธรณ์หยิบยกเรื่องการที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้รอการพิจารณาคดีร้องขัดทรัพย์เพื่อฟังผลคดีแพ่งหมายเลขดำที่ 13856/2533 หรือหมายเลขแดงที่ 8529/2554 ที่ผู้ร้องฟ้องจำเลยที่ 1 กับพวกให้คืนที่ดินพิพาทและทรัพย์สินอื่นขึ้นวินิจฉัยแล้วมีคำพิพากษาให้ยกคำร้องขัดทรัพย์ของผู้ร้องนั้นชอบหรือไม่ เห็นว่า เมื่อผู้ร้องยื่นคำร้องขัดทรัพย์ที่ดินพิพาทซึ่งเป็นทรัพย์จำนองที่โจทก์นำยึดและศาลชั้นต้นมีคำสั่งรับคำร้องไว้พิจารณาแล้ว ต่อมามีคำสั่งให้เลื่อนการพิจารณาเพื่อรอฟังผลคดีแพ่งหมายเลขดำที่ 13856/2533 หรือหมายเลขแดงที่ 8529/2544 ที่ผู้ร้องพิพาทกับจำเลยที่ 1 กับพวกเกี่ยวกับที่ดินพิพาทและในที่สุดศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้จำหน่ายคดีร้องขัดทรัพย์ออกจากสารบบความชั่วคราวเพื่อรอฟังคำพิพากษาถึงที่สุดของคดีดังกล่าวโดยไม่มีคู่ความฝ่ายใดโต้แย้งคัดค้านคำสั่งของศาลชั้นต้นที่ให้รอการพิจารณาคดีร้องขัดทรัพย์นั้น คำสั่งของศาลชั้นต้นดังกล่าวไม่ว่าจะชอบหรือไม่ก็ตามย่อมเป็นอันยุติ เมื่อปัญหาที่โจทก์อุทธรณ์มีเพียงว่า โจทก์มีสิทธิร้องขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์สินอื่นของจำเลยทั้งสองเพิ่มเติมได้หรือไม่ การที่ศาลอุทธรณ์หยิบยกปัญหาเรื่องการที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้รอการพิจารณาคดีร้องขัดทรัพย์เพื่อฟังผลคดีแพ่งหมายเลขดำที่ 13856/2533 หรือหมายเลขแดงที่ 8529/2544 ขึ้นวินิจฉัยแล้วมีคำพิพากษาให้ยกคำร้องขัดทรัพย์ของผู้ร้องเนื่องจากผู้ร้องไม่มีสิทธิร้องขัดทรัพย์จึงเป็นการวินิจฉัยนอกเหนือประเด็นที่โจทก์อุทธรณ์ ทั้งเป็นการผิดขั้นตอนของการวินิจฉัยที่ต้องเป็นไปตามลำดับชั้นศาล เนื่องจากคำร้องขัดทรัพย์ของผู้ร้องยังมิได้ผ่านการพิจารณาและชี้ขาดตัดสินคดีจากศาลชั้นต้นแต่อย่างใด ศาลอุทธรณ์ไม่มีอำนาจก้าวล่วงไปวินิจฉัยคำร้องขัดทรัพย์ของผู้ร้อง ข้อที่ศาลหยิบยกขึ้นวินิจฉัยดังกล่าวจึงไม่ชอบ สำหรับปัญหาว่าโจทก์มีสิทธิร้องขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์สินอื่นของจำเลยทั้งสองเพิ่มเติมได้หรือไม่ ศาลอุทธรณ์ยังมิได้วินิจฉัย แต่เพื่อมิให้คดีล่าช้าศาลฎีกาเห็นควรวินิจฉัยปัญหาดังกล่าวโดยไม่ต้องย้อนสำนวนไปให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาพิพากษาใหม่ เมื่อพิเคราะห์คำพิพากษาตามยอมของศาลชั้นต้นที่พิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงินและดอกเบี้ยแก่โจทก์ โดยผ่อนชำระเป็น 3 งวด หากผิดนัดงวดใดงวดหนึ่งให้ถือว่าผิดนัดทั้งหมดยอให้โจทก์บังคับคดียึดทรัพย์จำนองขายทอดตลาดนำเงินมาชำระหนี้ หากขายได้เงินไม่พอให้ยึดทรัพย์สินอื่นของจำเลยทั้งสองขายทอดตลาดนำเงินมาชำระหนี้จนครบแล้ว เห็นได้ว่าคำพิพากษาได้กำหนดขั้นตอนการบังคับคดีโดยมีลำดับก่อนหลังไว้ชัดแจ้ง กล่าวคือ ต้องบังคับจำนองโดยนำทรัพย์จำนองขายทอดตลาดก่อน เมื่อได้เงินมาไม่พอชำระหนี้จึงจะบังคับเอาแก่ทรัพย์สินของจำเลยทั้งสองต่อไปได้ ดังนั้น แม้การที่ผู้ร้องยื่นคำร้องขัดทรัพย์เข้ามาในคดีจะมีผลทำให้ต้องงดขายทอดตลาดทรัพย์จำนองและศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้รอการพิจารณาคดีร้องขัดทรัพย์เพื่อฟังผลคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 8529/2544 ซึ่งกระทบถึงหนี้ตามคำพิพากษาตามยอมโดยทำให้หนี้ในส่วนดอกเบี้ยเพิ่มมากขึ้นจนเป็นเหตุให้ราคาทรัพย์จำนองไม่เพียงพอแก่การชำระหนี้ตามคำพิพากษาดังที่โจทก์อ้างก็ตาม แต่ตราบใดที่ยังไม่มีการบังคับคดีแก่ทรัพย์จำนอง โจทก์ก็ย่อมไม่อาจขอให้บังคับคดีแก่ทรัพย์สินอื่นของจำเลยทั้งสองเพิ่มเติมได้เพราะจะเป็นการบังคับคดีเกินกว่าข้อตกลงระหว่างโจทก์กับจำเลยทั้งสองในสัญญาประนีประนอมยอมความและผิดไปจากคำพิพากษาตามยอม ส่วนปัญหาที่โจทก์แก้ฎีกาเกี่ยวกับการใช้สิทธิยึดทรัพย์สินอื่นของจำเลยทั้งสองเพิ่มเติมภายหลังจากยึดทรัพย์จำนองเกิน 10 ปีแล้วนั้น เห็นว่า การร้องขอให้บังคับคดีซึ่งต้องกระทำภายใน 10 ปี นับแต่มีคำพิพากษาหรือคำสั่งเนระยะเวลาที่กำหนดไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 271 ซึ่งศาลมีอำนาจที่จะออกคำสั่งขยายหรือย่นระยะเวลาดังกล่าวได้โดยคู่ความไม่จำเป็นต้องร้องขอ แต่จะกระทำได้ต่อเมื่อมีพฤติการณ์พิเศษและศาลได้มีคำสั่งก่อนสิ้นระยะเวลานั้นเว้นแต่ในกรณีที่มีเหตุสุดวิสัยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 23 คดีนี้เหตุที่โจทก์ไม่อาจยึดทรัพย์สินอื่นของจำเลยทั้งสองได้ทันทีเนื่องจากมีขั้นตอนการบังคับคดีตามที่กำหนดไว้ในคำพิพากษา กล่าวคือ ต้องมีการบังคับคดีแก่ทรัพย์จำนองก่อน หากบังคับคดีแก่ทรัพย์จำนองแล้วได้เงินไม่พอจึงจะมีสิทธิบังคับคดีแก่ทรัพย์สินอื่นของจำเลยทั้งสองต่อไปได้ และการบังคับคดีแก่ทรัพย์จำนอง โจทก์ก็ไม่อาจทำได้ภายในระยะเวลาที่กฎหมายดังกล่าวกำหนดเนื่องจากผู้ร้องยื่นคำร้องขัดทรัพย์ทรัพย์จำนองและศาลชั้นต้นีคำสั่งให้รอการพิจารณาคดีร้องขัดทรัพย์ไว้เพื่อฟังผลคดีที่ผู้ร้องพิพาทกับจำเลยที่ 1 กับพวกเกี่ยวกับทรัพย์จำนองเป็นอีกคดีหนึ่งซึ่งมีผลทำให้โจทก์ไม่อาจใช้สิทธิบังคับคดีแก่ทรัพย์สินอื่นของจำเลยทั้งสองภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนดได้เช่นเดียวกัน การที่โจทก์ไม่อาจใช้สิทธิบังคับคดีแก่ทรัพย์สินอื่นของจำเลยทั้งสองภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนดดังกล่าวย่อมถือได้ว่าเป็นกรณีที่มีเหตุสุดวิสัย ดังนั้นหากมีการขายทอดตลาดทรัพย์จำนองภายหลังจากยึดทรัพย์จำนองเกิน 10 ปี แล้วขายได้เงินไม่พอชำระหนี้ และโจทก์ขอบังคับคดีเอาแก่ทรัพย์สินอื่นของจำเลยทั้งสองเพิ่มเติมตามเงื่อนไขที่กำหนดในคำพิพากษา ศาลย่อมมีอำนาจขยายระยะเวลาการบังคับคดีให้แก่โจทก์โดยโจทก์จะยื่นคำขอหรือไม่ก็ได้ ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษามานั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยที่ 2 ฟังขึ้น”
พิพากษากลับ ให้ยกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์และให้บังคับคดีตามคำสั่งศาลชั้นต้น ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์และฎีกาให้เป็นพับ

Share