คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1675/2532

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความผิดฐานโกงเจ้าหนี้ ผู้ที่จะมีความผิดจะต้องมีเจตนาพิเศษเพื่อมิให้เจ้าหนี้ของตนหรือผู้อื่นได้ รับชำระหนี้จำเลยเป็นหนี้จำนองผู้มีชื่อ 3,000,000 บาท จึงขายทรัพย์จำนองพร้อมสิทธิการเช่า โทรศัพท์เป็นเงิน 3,500,000 บาทเพื่อชำระหนี้จำนองตาม ปกติ แม้จะเป็นการขายหลังจากทราบว่าโจทก์จะใช้ สิทธิเรียกร้องทางศาลเพื่อให้ชำระหนี้ ก็ยังเป็นการขายเพื่อชำระหนี้จำนอง ทั้งเมื่อโจทก์ฟ้องจำเลยให้ชำระหนี้จำเลยก็ต่อสู้ ว่ามิได้เป็นหนี้โจทก์ คดียังอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลโจทก์จะเป็นเจ้าหนี้หรือไม่ ยังโต้เถียง กันอยู่ การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดฐาน โกงเจ้าหนี้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๕๐, ๙๑
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว เห็นว่าคดีมีมูล ให้ประทับฟ้อง
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยกระทำผิดตามฟ้อง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า เห็นว่า จำเลยเป็นหนี้จำนอง ๓,๐๐๐,๐๐๐ บาท แต่ขายทรัพย์จำนองพร้อมสิทธิการเช่าโทรศัพท์ได้เงิน ๑,๕๐๐,๐๐๐ บาท นั้น เป็นการขายเพื่อชำระหนี้จำนองตามปกติ แม้จะขายภายหลังจำเลยได้รับหนังสือทวงถามจากโจทก์ให้ชำระหนี้และทราบดีว่าโจทก์จะใช้สิทธิเรียกร้องทางศาลให้ชำระหนี้แล้วก็ตาม แต่จำเลยก็มิได้ยอมรับว่าโจทก์เป็นเจ้าหนี้ และเมื่อโจทก์ฟ้องจำเลยให้ชำระหนี้ค่าซื้อหุ้นจำเลยก็ต่อสู้ว่า จำเลยมิได้เป็นหนี้และยังอ้างคำพิพากษามาศาลฎีกาว่า ข้อเท็จจริงเช่นเดียวกันนี้ศาลเคยวินิจฉัยให้จำเลยในคดีนั้นเป็นฝ่ายชนะคดีด้วย ความผิดฐานโกงเจ้าหนี้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๕๐ นั้น ผู้ที่จะมีความผิดตามบทบัญญัติดังกล่าวจะต้องมีเจตนาพิเศษเพื่อมิให้เจ้าหนี้ของตนหรือผู้อื่นได้รับชำระหนี้ คดีนี้ได้ความว่า จำเลยขายทรัพย์จำนองเพื่อชำระหนี้จำนอง เมื่อถูกโจทก์ฟ้อง จำเลยก็ต่อสู้ว่าจำเลยมิได้เป็นหนี้โจทก์ คดียังอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์โจทก์จะเป็นเจ้าหนี้หรือไม่ ยังโต้เถียงกันอยู่ การกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิดตามฟ้อง
พิพากษายืน.

Share