คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 13138/2558

แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ

ย่อสั้น

จำเลยได้เข้าสู่กระบวนการบำบัดฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติดตาม พ.ร.บ.ฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด พ.ศ.2545 มาตรา 22 วรรคหนึ่ง แล้ว และจำเลยได้อยู่รับการฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด ตามแผนการฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติดเป็นเวลาหกเดือนตามมาตรา 25 วรรคหนึ่ง ครบกำหนดแล้ว เพียงแต่จำเลยประสงค์จะขอโอกาสในการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม คณะอนุกรรมการฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติดจังหวัดอ่างทองจึงให้ขยายระยะเวลาการฟื้นฟูออกไปอีก 120 วัน โดยให้มารายงานตัวต่อพนักงานเจ้าหน้าที่เดือนละ 1 ครั้ง ห้ามเกี่ยวข้องกับยาเสพติด แต่จำเลยมารายงานตัวไม่ครบและยังเกี่ยวข้องกับยาเสพติดอีก คณะอนุกรรมการฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด จึงมีความเห็นให้ส่งจำเลยคืนพนักงานสอบสวนดำเนินคดีต่อไป ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า จำเลยได้เข้ารับการฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติดจนครบกำหนดเวลาตามมาตรา 25 แล้ว แต่ผลการฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติดยังไม่เป็นที่พอใจ คณะอนุกรรมการฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติดจังหวัดอ่างทองจึงมีหน้าที่รายงานความเห็นไปยังพนักงานสอบสวนหรือพนักงานอัยการแล้วแต่กรณี เพื่อประกอบการพิจารณาดำเนินคดีต่อไปตามมาตรา 33 วรรคสอง โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องคดีนี้ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องจำเลยเสพเมทแอมเฟตามีน อันเป็นยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 โดยวิธีสูดดมควันเข้าสู่ร่างกาย อันเป็นการฝ่าฝืนต่อกฎหมาย ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ส่งตัวจำเลยไปควบคุมเพื่อตรวจพิสูจน์การเสพหรือการติดยาเสพติดตามคำร้องของพนักงานสอบสวน แต่ภายหลังคณะอนุกรรมการฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติดจังหวัดอ่างทอง มีคำวินิจฉัยว่า ระหว่างการฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด จำเลยไม่ปฏิบัติตามแผนการฟื้นฟู จึงให้ส่งเรื่องคืนพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีต่อไปตามสำเนาคำวินิจฉัยเอกสารท้ายฟ้อง ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 4, 7, 8, 57, 91, 100/1
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์แผนกคดียาเสพติดพิพากษายืน
โจทก์ฎีกา โดยได้รับอนุญาตจากศาลฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงเบื้องต้นรับฟังเป็นยุติว่าเมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2555 เวลากลางวัน เจ้าพนักงานตำรวจจับกุมจำเลยโดยกล่าวหาว่า กระทำความผิดฐานเสพเมทแอมเฟตามีน ต่อมาศาลชั้นต้นอนุญาตให้ส่งตัวจำเลยไปเพื่อตรวจพิสูจน์การเสพหรือการติดยาเสพติด โดยคณะอนุกรรมการฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติดจังหวัดอ่างทอง มีคำสั่งที่ 298/2555 ให้จำเลยเข้ารับการฟื้นฟูแบบไม่ควบคุมตัวในโปรแกรมคุมประพฤติ 6 เดือน รายงานตัว 5 ครั้ง ห้ามเกี่ยวข้องกับยาเสพติดให้โทษทุกประเภท โดยยินยอมให้พนักงานเจ้าหน้าที่เก็บปัสสาวะเพื่อตรวจหาสารเสพติด ต่อมาคณะอนุกรรมการฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติดจังหวัดอ่างทอง มีคำสั่งที่ 199/2556 ว่า จำเลยมารายงานตัวครบ 5 ครั้ง ตรวจปัสสาวะ 4 ครั้ง พบสารเสพติดทั้ง 4 ครั้ง จำเลยประสงค์จะขอโอกาสในการปรับเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมจึงอยู่ในวัยที่พอจะแก้ไขปรับปรุงได้ ต่อมาคณะอนุกรรมการฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติดจังหวัดอ่างทอง มีคำสั่งที่ 308/2555 ให้ขยายระยะเวลาการฟื้นฟูออกไปอีก 120 วัน โดยให้มารายงานตัวต่อพนักงานเจ้าหน้าที่เดือนละ 1 ครั้ง ห้ามเกี่ยวข้องกับยาเสพติด จำเลยมารายงานตัว 2 ครั้ง และรับว่ายังคงมีพฤติกรรมเสพยาเสพติดให้โทษทั้ง 2 ครั้ง เนื่องจากต้องการเสพ ปัจจุบันจำเลยช่วยสามีประกอบอาชีพ จากนั้นจำเลยขาดรายงานตัวครั้งที่ 3 พนักงานเจ้าหน้าที่มีหนังสือแจ้งเตือนให้มารายงานตัว แต่เมื่อถึงกำหนดนัดจำเลยไม่มารายงานตัว ถือว่าจงใจไม่ปฏิบัติตามแผนการฟื้นฟู ผลการฟื้นฟูไม่เป็นที่พึงพอใจ จึงเห็นสมควรให้ส่งเรื่องคืนพนักงานสอบสวนตามมาตรา 33 เพื่อดำเนินคดีต่อไป ตามคำวินิจฉัยของคณะอนุกรรมการฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติดจังหวัดอ่างทอง
คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า โจทก์มีอำนาจฟ้องหรือไม่ เห็นว่า จากข้อเท็จจริงดังกล่าวข้างต้น แสดงว่าจำเลยได้เข้าสู่กระบวนการบำบัดฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติดตามพระราชบัญญัติฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด พ.ศ.2545 มาตรา 22 วรรคหนึ่ง แล้ว และจำเลยได้อยู่รับการฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติดตามแผนการฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติดเป็นเวลาหกเดือนตามมาตรา 25 วรรคหนึ่ง ครบกำหนดแล้ว เพียงแต่จำเลยประสงค์จะขอโอกาสในการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม คณะอนุกรรมการฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติดจังหวัดอ่างทองจึงให้ขยายระยะเวลาการฟื้นฟูออกไปอีก 120 วัน โดยให้มารายงานตัวต่อพนักงานเจ้าหน้าที่เดือนละ 1 ครั้ง ห้ามเกี่ยวข้องกับยาเสพติด แต่จำเลยมารายงานตัวไม่ครบและยังเกี่ยวข้องกับยาเสพติดอีก คณะอนุกรรมการฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติดจังหวัดอ่างทอง จึงมีความเห็นให้ส่งจำเลยคืนพนักงานสอบสวนดำเนินคดีต่อไป ที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยข้อเท็จจริงว่า จำเลยยังเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูไม่ครบถ้วนตามที่กำหนดในแผนการฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติดตามนัยมาตรา 25 จึงคลาดเคลื่อนต่อข้อเท็จจริง และตามพฤติการณ์แห่งคดีข้อเท็จจริงฟังได้ว่า จำเลยได้เข้ารับการฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติดจนครบกำหนดเวลาตามมาตรา 25 แล้ว แต่ผลการฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติดยังไม่เป็นที่พอใจ คณะอนุกรรมการฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติดจังหวัดอ่างทองจึงมีหน้าที่รายงานความเห็นไปยังพนักงานสอบสวนหรือพนักงานอัยการแล้วแต่กรณี เพื่อประกอบการพิจารณาดำเนินคดีต่อไปตามมาตรา 33 วรรคสอง โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องคดีนี้ได้ ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์มานั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์ฟังขึ้น เนื่องจากคดีนี้จำเลยให้การรับสารภาพ แต่ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโดยเห็นว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง โดยยังมิได้พิพากษาลงโทษจำเลย เพื่อให้การวินิจฉัยคดีจำเลยเป็นไปตามลำดับศาล ศาลฎีกาจึงเห็นสมควรย้อนสำนวนไปให้ศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษาใหม่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 208 (2) ประกอบมาตรา 225
พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ ให้ย้อนสำนวนไปให้ศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษาใหม่ตามรูปคดี

Share