คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2369/2530

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

จำเลยที่ 2 เป็นเพื่อนกับจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 2ลงชื่อสั่งจ่ายเช็คพิพาท ให้จำเลยที่ 1 ไปโดยยังมิได้กรอกข้อความใด ๆ จำเลยที่ 1 รับเช็คพิพาทของจำเลยที่ 2แล้วทำการกรอกข้อความแล้วนำไปเบิกเงินจากธนาคารโจทก์กรณียังถือไม่ได้ว่าจำเลยที่ 2 ร่วมกับจำเลยที่ 1 ทำละเมิดต่อโจทก์ เพราะโจทก์ไม่มีพยานหลักฐานอื่นใดชี้ให้ศาลเห็นว่าจำเลยที่ 2 ได้รู้เห็นในการทุจริตของจำเลยที่ 1 ในการกรอกข้อความในการ์ดบัญชีกระแสรายวันของจำเลยที่ 2 หรือร่วมมือให้จำเลยที่ 1 กรอกข้อความสั่งจ่ายเงินลงในเช็คพิพาท

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทั้งสองกระทำละเมิดต่อโจทก์ขอให้บังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันใช้เงิน 204,052 บาท แก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีในต้นเงิน 190,000 บาท นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไป จนกว่าชำระเสร็จสิ้น จำเลยที่ 1 ให้การว่า จำเลยที่ 1กระทำละเมิดต่อโจทก์จริง แต่จำเลยที่ 1 ได้ชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์บางส่วนแล้ว จำเลยที่ 1 คงต้องรับผิดต่อโจทก์อีกเพียง 4,052 บาทจำเลยที่ 2 ให้การว่า จำเลยที่ 2 มิได้ช่วยเหลือจำเลยที่ 1 ฉ้อโกงโจทก์ จำเลยที่ 1 หลอกลวงให้จำเลยที่ 2 ออกเช็คพิพาทเพื่อไปฉ้อโกงโจทก์ จำเลยที่ 2 มิได้รู้เห็นเพราะเป็นบุคคลภายนอก จำเลยที่ 1สามารถเบิกถอนเงินไปได้เพราะความประมาทเลินเล่อของธนาคารโจทก์จำเลยที่ 2 ไม่ต้องรับผิด ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาให้จำเลยที่ 1 ชำระเงิน 190,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีของต้นเงินดังกล่าวนับแต่วันที่ 31 สิงหาคม 2524 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จให้โจทก์ ส่วนฟ้องโจทก์เกี่ยวกับจำเลยที่ 2 ให้ยก โจทก์อุทธรณ์เ้ฉพาะเกี่ยวกับจำเลยที่ 2 ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงฟังได้ในเบื้องต้นว่าขณะเกิดเหตุ จำเลยที่ 1 เป็นพนักงานบัญชีธนาคารโจทก์สาขาพัทลุงมีหน้าที่ดูแลควบคุมบันทึกรายการต่าง ๆ เกี่ยวกับบัญชีกระแสรายวันของลูกค้า จำเลยที่ 2 เป็นสมุห์บัญชีธนาคารกรุงเทพ จำกัดสาขาพัทลุง เป็นลูกค้าโจทก์ประเภทบัญชีกระแสรายวัน จำเลยทั้งสองเป็นเพื่อกัน เมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 2524 จำเลยที่ 1 ได้บันทึกข้อความอันเป็นเท็จลงในการ์ดบัญชีกระแสรายวัน เลขที่ 752-8 ของจำเลยที่ 2 ซึ่งมีอยู่กับธนาคารโจทก์ สาขาพัทลุง ว่ามีการฝากเงิน190,000 บาท ในบัญชีดังกล่าว ซึ่งความจริงมิได้มีการฝาก แล้วจำเลยที่ 1 ได้นำเช็คธนาคารกสิกรไทย จำกัด สาขาพัทลุง เลขที่ 1863098ตามเอกสารหมาย จ.4 ซึ่งจำเลยที่ 2 ลงนามสั่งจ่ายโดยไม่กรอกข้อความให้จำเลยที่ 1 ยืมไปนั้นนำไปกรอกจำนวน 190,000 บาท แล้วนำไปเบิกเงินจากธนาคารโจทก์ สาขาพัทลุง ธนาคารโจทก์หลงเชื่อจ่ายเงินไป ต่อมาจำเลยที่ 1 ถูกศาลจังหวัดพัทลุงพิพากษาลงโทษจำคุกตามคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 120/2525
คงมีปัญหาเฉพาะจำเลยที่ 2 ว่าจะต้องรับผิดร่วมกับจำเลยที่ 1ต่อโจทก์หรือไม่ เห็นว่าข้อเท็จจริงตามที่รับกันและที่โจทก์นำสืบคงฟังได้เพียงว่า จำเลยที่ 2 เป็นเพื่อนกับจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 2ลงชื่อสั่งจ่ายเช็คพิพาทหมาย จ.4 ให้จำเลยที่ 1 ไปโดยยังมิได้กรอกข้อความใด ๆ เพียงแต่จำเลยที่ 1 รับเช็คพิพาทของจำเลยที่ 2ซึ่งยังมิได้กรอกข้อความใด ๆ แล้วจำเลยที่ 1 ทำการกรอกข้อความแล้วนำไปเบิกเงินจากธนาคารโจทก์จะถือว่าจำเลยที่ 2 ร่วมกับจำเลยที่ 1ทำละเมิดต่อโจทก์ยังไม่ถนัด เพราะโจทก์ไม่มีพยานหลักฐานอื่นใดชี้ให้ศาลเห็นว่า จำเลยที่ 2 ได้รู้เห็นในการทุจริตของจำเลยที่ 1ในการกรอกข้อความในการ์ดบัญชีกระแสรายวันของจำเลยที่ 2 หรือร่วมมือให้จำเลยที่ 1 กรอกข้อความสั่งจ่ายเงินสด 190,000 บาทลงในเช็คเอกสารหมาย จ.4 ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องจำเลยที่ 2 นั้นศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นนี้เป็นพับ”

Share