คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5288/2549

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยทั้งสองร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย ตามฟ้องจึงเป็นเรื่องที่จำเลยทั้งสองเป็นตัวการร่วมกระทำความผิด แต่เมื่อปรากฏว่าจำเลยที่ 2 นำเมทแอมเฟตามีนไปส่งมอบให้จำเลยที่ 1 จึงเป็นการส่งมอบเมทแอมเฟตามีนระหว่างผู้กระทำความผิดด้วยกันเองซึ่งไม่ถือว่าเป็นการจำหน่าย ตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ ฯ มาตรา 4 เพราะการจำหน่ายหมายถึงการจำหน่ายให้แก่บุคคลภายนอกที่มิใช่ผู้กระทำความผิดด้วยกัน แต่พฤติการณ์แห่งการกระทำของจำเลยที่ 2 ประกอบกับจำนวนเมทแอมเฟตามีนถึง 1,818 เม็ด เป็นข้อบ่งชี้ว่าจำเลยที่ 2 มีเมทแอมเฟตามีนดังกล่าวไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย ดังนั้น จำเลยที่ 2 จึงมีความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาว่าจำเลยที่ 2 มีความผิดฐานจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน แต่ให้ยกฟ้องในความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายจึงเป็นการไม่ชอบ แม้คดีในส่วนของจำเลยที่ 2 จะไม่มีคู่ความฝ่ายใดฎีกา แต่ศาลฎีกาเห็นว่าเป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกายกขึ้นวินิจฉัยเพื่อแก้ไขให้ถูกต้องได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 4, 7, 8, 15, 66, 97, 102 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 32, 33, 83, 91, 92 ริบเมทแอมเฟตามีน กระเป๋าพลาสติก ถุงพลาสติก และเทปพันสายไฟของกลาง กับเพิ่มโทษจำเลยที่ 2 ตามกฎหมาย
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ แต่จำเลยที่ 2 รับว่าเคยต้องโทษและพ้นโทษมาจริงตามคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 866/2539 ของศาลจังหวัดนครสวรรค์
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 15 วรรคหนึ่ง, 66 วรรคหนึ่ง การกระทำของจำเลยที่ 1 เป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย จำคุก 26 ปี ฐานจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน จำคุก 5 ปี รวมจำคุก 31 ปี ส่วนจำเลยที่ 2 ให้จำคุกในข้อหามีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย 22 ปี คำให้การรับสารภาพของจำเลยทั้งสองในชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาอยู่บ้าง มีเหตุบรรเทาโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ลดโทษให้คนละหนึ่งในสาม คงจำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด 20 ปี 8 เดือน จำคุกจำเลยที่ 2 มีกำหนด 14 ปี 8 เดือน ริบเมทแอมเฟตามีน กระเป๋าพลาสติก ถุงพลาสติก และเทปพันสายไฟของกลาง ส่วนที่โจทก์มีคำขอให้เพิ่มโทษจำเลยที่ 2 นั้น ปรากฏว่าในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 866/2539 ของศาลชั้นต้น ศาลอุทธรณ์ภาค 6 มีคำพิพากษาให้รอการลงโทษจำคุกแก่จำเลยที่ 2 จึงไม่อาจเพิ่มโทษจำเลยที่ 2 ได้ ให้ยกคำขอส่วนนี้
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 6 พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยที่ 2 มีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 15 วรรคหนึ่ง (เดิม), 66 วรรคหนึ่ง (ที่แก้ไขใหม่) ฐานจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน ให้ยกฟ้องสำหรับจำเลยที่ 2 ในความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยที่ 1 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทั้งสองร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนจำนวน 2,374 เม็ด ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย ตามฟ้องจึงเป็นเรื่องที่จำเลยทั้งสองเป็นตัวการร่วมกระทำความผิด แต่เมื่อปรากฏว่าจำเลยที่ 2 นำเมทแอมเฟตามีนจำนวน 1,818 เม็ด มาส่งมอบให้จำเลยที่ 1 จึงเป็นการส่งมอบเมทแอมเฟตามีนระหว่างผู้กระทำความผิดด้วยกันเองซึ่งไม่ถือว่าเป็นการจำหน่าย เพราะการจำหน่ายหมายถึงการจำหน่ายให้แก่บุคคลภายนอกที่มิใช่ผู้ร่วมกระทำความผิดด้วยกัน แต่พฤติการณ์แห่งการกระทำของจำเลยที่ 2 ดังกล่าว ประกอบกับจำนวนเมทแอมเฟตามีนมีถึง 1,818 เม็ด เป็นข้อบ่งชี้ว่าจำเลยที่ 2 มีเมทแอมเฟตามีนดังกล่าวไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย ดังนั้น จำเลยที่ 2 จึงมีความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 6 พิพากษาว่าจำเลยที่ 2 มีความผิดฐานจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน ให้ยกฟ้องสำหรับจำเลยที่ 2 ในความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายนั้นจึงเป็นการไม่ชอบ แม้คดีในส่วนของจำเลยที่ 2 จะไม่มีคู่ความฝ่ายใดฎีกา แต่ศาลฎีกาเห็นว่าเป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกายกขึ้นวินิจฉัยเพื่อแก้ไขให้ถูกต้องได้
ระหว่างการพิจารณาของศาลชั้นต้น ได้มีพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ 5) พ.ศ.2545 มาตรา 8 และมาตรา 19 ยกเลิกความในมาตรา 15 และมาตรา 66 แห่งพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 และให้ใช้ข้อความใหม่แทน สำหรับจำเลยที่ 1 ซึ่งมีความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายซึ่งมีปริมาณคำนวณเป็นสารบริสุทธิ์เกิน 20 กรัมนั้น บทความผิดและบทกำหนดโทษกฎหมายเดิมเป็นคุณมากกว่ากฎหมายที่แก้ไขใหม่ จึงต้องใช้กฎหมายเดิมบังคับ และความผิดฐานจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนนั้น บทความผิดทั้งกฎหมายเดิมและกฎหมายที่แก้ไขใหม่คงใช้ข้อความทำนองเดียวกัน จึงต้องใช้กฎหมายเดิมที่ใช้ในขณะกระทำความผิดบังคับ ส่วนบทกำหนดโทษเมื่อเมทแอมเฟตามีนไม่ปรากฏว่ามีปริมาณคำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ได้เท่าใด กฎหมายที่แก้ไขใหม่เป็นคุณมากกว่ากฎหมายเดิม จึงต้องใช้กฎหมายที่แก้ไขใหม่บังคับ สำหรับจำเลยที่ 2 ซึ่งมีความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายจำนวน 1,818 เม็ด ซึ่งไม่ปรากฏว่ามีปริมาณคำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ได้เท่าใด อันต้องด้วยระวางโทษจำคุก 4 ปี ถึง 15 ปี ตามมาตรา 66 วรรคหนึ่ง ที่แก้ไขใหม่ แต่ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยที่ 2 สำหรับความผิดฐานดังกล่าวเป็นเวลา 22 ปี ก่อนลดโทษให้จึงเกินกว่าโทษที่กฎหมายกำหนดซึ่งเป็นการมิชอบ ปัญหาดังกล่าวเป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย แม้ไม่มีคู่ความฝ่ายใดฎีกา ศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นอ้างและแก้ไขโดยปรับบทกฎหมายและแก้โทษให้ถูกต้องและเหมาะสมแก่พฤติการณ์แห่งคดีได้
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 15 วรรคหนึ่งและวรรคสอง (เดิม), 66 วรรคหนึ่ง (เดิมและที่แก้ไขใหม่) ลงโทษจำเลยที่ 2 ในความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย จำคุก 15 ปี เมื่อลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 แล้ว คงจำคุก 10 ปี สำหรับโทษของจำเลยที่ 1 และนอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 6.

Share