คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5287/2538

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

หนังสือไม่ขอรับมรดกซึ่งท. ลงลายมือชื่อให้ไว้แก่เจ้าพนักงานที่ดินระบุว่าตนเป็นบุตรของเจ้ามรดกมีสิทธิรับมรดกในที่ดินโฉนดที่เท่าใดตั้งอยู่ที่ไหนไม่มีความประสงค์ที่จะรับมรดกที่ดินแปลงดังกล่าวและตกลงยินยอมให้จำเลยที่1รับจึงเป็นหนักฐานเป็นหนังสือลงลายมือชื่อฝ่ายที่ต้องรับผิดเป็นสำคัญเป็นสัญญาแบ่งปันมรดกมีผลใช้บังคับได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา850,852และ1750

ย่อยาว

คดีสองสำนวนนี้ ศาลชั้นต้นรวมพิจารณาและพิพากษารวมกันโดยให้เรียกโจทก์ทั้งหกอย่างเดิม เรียกนางแม้น ว่าจำเลยที่ 1และเรียกนางสุดใจ ว่าจำเลยที่ 2
โจทก์ทั้งสองสำนวนฟ้องเป็นใจความว่า โจทก์ทั้งหกเป็นบุตรนายเที่ยง นายเที่ยง และจำเลยที่ 1 เป็นบุตรนางสาย ผู้ตายซึ่งมีบุตร 5 คน ผู้ตายถึงแก่ความตายด้วยโรคชรา จำเลยที่ 1ให้นายเที่ยง ลงชื่อในหนังสือไม่ขอรับมรดกที่ดินสองแปลงของผู้ตายซึ่งไม่เป็นการสละมรดกตามกฎหมาย ต่อมาจำเลยที่ 1 นำหนังสือไม่ขอรับมรดกดังกล่าวไปขอรับโอนมรดกที่ดินทั้งสองแปลงเป็นของตน แล้วโอนแปลงหนึ่งให้จำเลยที่ 2 อันเป็นทางให้นายเที่ยงเสียเปรียบนายเที่ยง มีสิทธิรับมรดกของผู้ตายแปลงละหนึ่งในห้าส่วน เมื่อนายเที่ยง ถึงแก่ความตาย โจทก์ทั้งหกมีสิทธิได้รับมรดกส่วนที่นายเที่ยงพึงได้รับหนึ่งในห้าส่วน จำเลยทั้งสองครอบครองที่ดินแทนโจทก์ทั้งหก โจทก์ทั้งหกเพิ่งทราบการรับโอนที่ดินมรดก ขอให้เพิกถอนการยกให้ระหว่างจำเลยที่ 1 ที่ 2 และให้จำเลยทั้งสองยินยอมให้โจทก์ทั้งหกเข้าถือกรรมสิทธิ์รวมในที่ดินจำนวนหนึ่งในห้าส่วน หากไม่ยอมให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจำเลยทั้งสอง หรือให้นำที่ดินดังกล่าวเฉพาะส่วนที่จำเลยทั้งสองได้รับออกขายทอดตลาดแล้วแบ่งเงินที่ขายทอดตลาดแล้วแบ่งเงินที่ขายให้แก่โจทก์ทั้งหกหนึ่งในห้าส่วน
จำเลยทั้งสองสำนวนให้การเป็นใจความว่า ขณะถึงแก่ความตามนายเที่ยง ไม่มีมรดก เพราะที่่ดินในส่วนของนายสาย ผู้ตายนั้นนายเที่ยง ตกลงทำหนังสือไม่ขอรับมรดก ซึ่งมีผลบังคับได้ตามกฎหมายและตกลงให้ที่ดินโฉนดเลขที่ 4270 ตกได้แก่จำเลยที่ 1 โฉนดเลขที่4274 ตกได้แก่จำเลยที่ 2 เพราะจำเลยที่ 1 และที่ 2 ออกเงินค่าทำศพนางสาย ผู้ตาย การโอนมรดก นางสาย มายังจำเลยทั้งสองเสร็จสิ้นในปี 2523 จำเลยทั้งสองได้ครอบครองที่ดินดังกล่าวอย่างเป็นเจ้าของฟ้องโจทก์ขาดอายุความ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้น พิพากษายก ฟ้องโจทก์ ทั้ง หก
โจทก์ ทั้ง สอง สำนวน อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ พิพากษายืน
โจทก์ ทั้ง สอง สำนวน ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ปัญหาตามฎีกาโจทก์ทั้งหกในสำนวนคดีแรกว่าเมื่อหนังสือไม่ขอรับมรดกของนายเที่ยงไม่เป็นการสละมรดกตามกฎหมายแล้วจะเป็นสัญญาแบ่งปันมรดกตามที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยหรือไม่ โดยโจทก์ทั้งหกฎีกาว่า สัญญาแบ่งปันมรดกจะต้องมีคู่สัญญาทั้งสองฝ่ายและจะต้องระบุด้วยว่า โฉนดที่ดินส่วนไหนเป็นของใครหรือตกได้แก่ใครเห็นว่า หนังสือไม่ขอรับมรดกซึ่งนายเที่ยงลงลายมือชื่อให้ไว้แก่เจ้าพนักงานที่ดินระบุไว้ว่า เป็นบุตรของเจ้ามรดกมีสิทธิรับมรดกในที่ดินโฉนดที่เท่าใด ตั้งอยู่ไหน ไม่มีความประสงค์ที่จะรับมรดกที่ดินแปลงดังกล่าวและตกลงยินยอมให้จำเลยที่ 1 รับ จึงเป็นหลักฐานเป็นหนังสือลงลายมือชื่อฝ่ายที่ต้องรับผิดเป็นสำคัญ เป็นสัญญาแบ่งปันมรดกมีผลใช้บังคับได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 850, 852 และ 1750
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ในสำนวนคดีหลังและยกฎีกาโจทก์ทั้งหกในสำนวนคดีหลัง คืนค่าธรรมเนียมศาลชั้นฎีกาให้โจทก์ทั้งหกในสำนวนคดีหลัง นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share