แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การที่ผู้ตายขึ้นเรือนจำเลยในกลางคืนยามวิกาล ย่อมทำให้เกิดความเข้าใจเป็นอื่นไม่ได้ นอกจากว่าเป็นการขึ้นมาในลักษณะอาการของคนร้าย จำเลยย่อมมีสิทธิกระทำการป้องกันภยันตรายได้ ตามพฤติการณ์ที่จำเลยต้องประสบภัยขณะนั้น ฉะนั้นแม้จำเลยจะฟันผู้ตายหลายที จำเลยย่อมไม่มีโอกาสจะยับยั้งชั่งใจกระทำน้อยกว่าที่ได้กระทำไปแล้ว จึงจะถือเป็นการกระทำเกินสมควรแก่เหตุ หรือเกินกว่าที่จำต้องกระทำเพื่อป้องกันไม่ได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยใช้มีดฟันผู้ตายโดยเจตนาฆ่า ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๖๘๘
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นฟังว่า จำเลยใช้มีดฟันผู้ตายโดยป้องกัน แต่เกินสมควรแก่เหตุพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘, ๖๘, ๖๙ ให้จำคุกจำเลย ๓ ปี ริบมีดของกลาง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงซึ่งได้ความว่า ผู้ตายขึ้นเรือนจำเลยในเวลากลางคืนยามวิกาล เห็นว่า ย่อมส่อลักษณะอาการของผู้ร้าย จำเลยมีความชอบธรรมที่จะป้องกันภยันตรายได้ตามสมควร และแม้ข้อเท็จจริงจะได้ความว่าจำเลยฟันผู้ตายหลายที แต่ในภาวะที่จำเลยประสบไม่อำนวยโอกาสให้ตั้งสติไตร่ตรองได้ว่าควรฟันที่ดี จำเลยจึงไม่มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๖๘ พิพากษาให้ยกฟ้อง คืนมีดของกลางแก่จำเลย
ศาลฎีกาเห็นพ้องตามคำวินิจฉัยศาลอุทธรณ์ว่า การกระทำของจำเลยเป็นการกระทำเพื่อป้องกันสิทธิของตน และพฤติการณ์เช่นที่ปรากฏ จำเลยไม่มีโอกาสจะยับยั้งชั่งใจกระทำน้อยกว่าที่ได้กระทำไปแล้วได้ เพราะจำเลยย่อมเข้าใจว่าคนร้ายคงจะต้องมีอาวุธติดตัวมา ซึ่งตนไม่มีโอกาสจะทันรู้ว่าเป็นอาวุธร้ายแรงแค่ไหน การกระทำของจำเลยจึงถือไม่ได้ว่าเกินสมควรแก่เหตุ หรือเกินกว่าที่จำต้องกระทำเพื่อป้องกัน
พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์