คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 527/2538

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยสั่งให้ ท. กับพวกรื้อรั้วซึ่งเป็นเครื่องหมายเขตแห่งที่ดินและเข้าไปปิดกั้นรั้วของโจทก์ร่วมในที่ดินโฉนดเลขที่ 7992 โดย ท. กับพวกทำตามคำสั่งของจำเลยโดยไม่มีเจตนาร่วมกระทำความผิดด้วย กรณีจึงถือได้ว่าจำเลยเป็นผู้กระทำความผิดฐานทำลายเครื่องหมายเขตแห่งอสังหาริมทรัพย์ และเข้าไปในอสังหาริมทรัพย์ของโจทก์ร่วมเพื่อถือเอาที่ดินบางส่วนตามโฉนดเลขที่ 7992 ของโจทก์ร่วมเป็นของจำเลย อันเป็นการรบกวนการครอบครองอสังหาริมทรัพย์ของโจทก์ร่วมโดยปกติสุข ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 362และ 363 โดยจำเลยใช้ ท. กับพวกเป็นเครื่องมือในการกระทำความผิด

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 358, 362, 363, 365
จำเลยให้การปฏิเสธ
ระหว่างพิจารณา นางบุปผา จิรานุวัฒน์ ผู้เสียหายยื่นคำร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ ศาลชั้นต้นอนุญาต
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์ร่วมอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ร่วมฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่โจทก์ร่วมฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยเฉพาะความผิดฐานบุกรุกนั้น โจทก์กล่าวในฟ้องว่าจำเลยได้กระทำผิดโดยสร้างรั้งสังกะสีกั้นแบ่งที่ดินโฉนดเลขที่ 7992 ของโจทก์ร่วมเป็นสองส่วนเพื่อถือการครอบครองอสังหาริมทรัพย์นั้นแต่บางส่วนและเพื่อถือเอาอสังหาริมทรัพย์ของโจทก์ร่วมเป็นของจำเลยอันเป็นการรบกวนการครอบครองอสังหาริมทรัพย์ของโจทก์ร่วมโดยปกติสุขนั้น ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อเท็จจริงฟังได้ว่า ก่อนเกิดเหตุมีรั้วเป็นแนวเขตที่ดินของโจทก์ร่วมกับที่ดินของจำเลยอยู่และโจทก์ร่วมกับจำเลยก็ไม่เคยมีเรื่องโต้เถียงเกี่ยวกับกรรมสิทธิ์ที่ดินกันมาก่อน เพิ่งมาโต้เถียงกันเมื่อมีการรื้อรั้วแล้ว การที่จำเลยสั่งให้นายวิฑูรย์กับพวกรื้อรั้วซึ่งเป็นเครื่องหมายเขตแห่งที่ดินและเข้าไปปิดกั้นรั้วของโจทก์ร่วมในที่ดินโฉนดเลขที่ 7992 โดยไม่บอกกล่าวให้โจทก์ร่วมทราบล่วงหน้าตามสมควรเพื่อซ่อมแซมรั้วย่อมเป็นการส่อพิรุธเพราะทำให้โจทก์ร่วมไม่รู้ว่าเขตที่ดินเดิมอยู่ตรงไหนและทำให้เขตที่ดินของโจทก์ร่วมผิดไปจากความถูกต้องแท้จริงหลังจากรื้อรั้วและปิดกั้นรั้วแล้วจำเลยย่อมเล็งเห็นได้ว่าที่ดินโฉนดเลขที่ 7992 ของโจทก์ร่วมส่วนที่อยู่ด้านหลังที่ดินของจำเลยระหว่างรั้วของธนาคารไทยทนุ จำกัด กับรั้วที่ถูกรื้อตกอยู่ในความครอบครองของจำเลย และเนื่องจากข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่านายวิฑูรย์กับพวกซึ่งทำตามคำสั่งของจำเลยมีเจตนาร่วมกระทำความผิดด้วย กรณีจึงถือได้ว่าจำเลยเป็นผู้กระทำความผิดฐานทำลายเครื่องหมายเขตแห่งอสังหาริมทรัพย์และเข้าไปในอสังหาริมทรัพย์ของโจทก์ร่วมเพื่อถือเอาที่ดินบางส่วนตามโฉนดเลขที่ 7992 ของโจทก์ร่วมเป็นของจำเลย อันเป็นการรบกวนการครอบครองอสังหาริมทรัพย์ของโจทก์ร่วมโดยปกติสุขตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 362 และ 363 โดยจำเลยใช้นายวิฑูรย์กับพวกเป็นเครื่องมือในการกระทำความผิด การกระทำของจำเลยดังกล่าวเป็นการกระทำกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบทต้องใช้กฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดคือ มาตรา 363 ลงโทษแก่จำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 ที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์นั้นไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา สำหรับดุลพินิจในการลงโทษนั้น พิเคราะห์สภาพความผิดแล้วเห็นควรให้ลงโทษปรับ
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 362 และ 363 ให้ลงโทษตามมาตรา 363 ซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 ลงโทษปรับ5,000 บาท ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 29, 30

Share