คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 527/2518

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยร่วมกันจับแขนผู้เสียหายบังคับพาไปทำาการข่มขืนกระทำชำเราเพียงประการเดียวมิได้มีการกระทำอนาจาร ประการอื่นใดอีก ย่อมไม่มีความผิดในข้อหากระทำอนาจารผู้เสียตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 278 ด้วย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยร่วมกันกระทำอนาจารและข่มขืนกระทำชำเราหญิงผู้เสียหายอายุกว่า ๑๓ ปี ซึ่งมิใช่ภริยาจำเลยโดยใช้กำลังประทุษร้ายและใช้อาวุธปืนขู่เข็ญจับข้อมือผู้เสียหายกระชากพาจากถนนสาธารณะลงไปในทุ่งนา แล้วกระทำอนาจารกอดปล้ำและผลัดกันขมขืนกระทำชำเราผู้เสียหายคนละครั้งอันมีลักษณะ เป็นการโทรมหญิงขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๗๖, ๒๗๘, ๘๓ ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ ๑๑ ข้อ ๗,๙
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๒๗๖, ๒๗๘, ๘๓ ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ ๑๑ ข้อ ๗,๙ จำคุกคนละ ๑๐ ปี
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยได้ร่วมกันข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียจริงแล้ววินิจฉัยว่า แต่ที่พิพาทลงโทษจำเลยในข้อหากระทำอนาจารมาด้วยนั้น เห็นว่าข้อเท็จจริงได้ความเพียงว่าจำเลยร่วมกันจับแขนผู้เสียหายบังคับพาไปทำการข่มขืนกระทำชำเราเพียงประการเดียว มิได้มีการกระทำอนาจารประการอื่นใดอีกจำเลยจึงไม่มีความผิดในข้อหากระทำอนาจารผู้เสียหายตามประมวลกฎหมาย อาญา มาตรา ๒๗๘ ด้วย
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๒๗๖ ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ ๑๑ ข้อ ๗ ข้อหาอื่นให้ยกเสีย นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share