คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5265/2544

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

เนื้อหาของคำพิพากษาศาลชั้นต้นมีเพียงคำบังคับให้จำเลยชำระเงินแก่โจทก์เท่านั้น มิได้กล่าวถึงปัญหาเรื่องอายุความอันเป็นประเด็นแห่งคดีซึ่งเป็นข้อต่อสู้ของจำเลยแม้จะเป็นคดีมโนสาเร่ที่ศาลชั้นต้นมีอำนาจพิพากษาคดีได้ด้วยวาจาซึ่งไม่จำต้องจดแจ้งรายการแห่งคดีหรือเหตุผลแห่งคำวินิจฉัยไว้ แต่ก็ต้องมีคำวินิจฉัยในประเด็นแห่งคดีเรื่องอายุความนั้นด้วย ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 141(5) คำพิพากษาดังกล่าวจึงไม่ชอบ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระเงิน 62,797.94 บาทแก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 27 ต่อปี ของต้นเงิน29,195.75 บาท นับถัดจากวันฟ้องไปจนกว่าจะชำระเสร็จ

จำเลยให้การว่า จำเลยไม่เคยนำบัตรเครดิตไปใช้ตามที่โจทก์ฟ้อง ฟ้องโจทก์ขาดอายุความแล้ว เพราะมิได้ฟ้องภายใน 2 ปี นับแต่วันที่ 6 ตุลาคม 2540 อันเป็นวันที่โจทก์ทวงถามและกำหนดให้จำเลยชำระหนี้ และฟ้องโจทก์เคลือบคลุม ขอให้ยกฟ้อง

ในวันนัดสืบพยานโจทก์และพยานจำเลย ทนายจำเลยแถลงขอสละประเด็นตามคำให้การจำเลย คงเหลือข้อต่อสู้เพียงประเด็นเดียวว่าฟ้องโจทก์ขาดอายุความหรือไม่ คู่ความรับกันว่าจำเลยชำระหนี้ให้โจทก์ครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์2541 เป็นเงิน 600 บาท หลังจากนั้นไม่ได้ชำระอีกเลย และคู่ความไม่ติดใจสืบพยาน

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงิน 44,203.16 บาทแก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 15 ต่อปี นับแต่วันที่ 7กุมภาพันธ์ 2541 ไปจนกว่าจะชำระเสร็จ

จำเลยอุทธรณ์เฉพาะปัญหาข้อกฎหมายโดยตรงต่อศาลฎีกาโดยได้รับอนุญาตจากศาลชั้นต้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 223 ทวิ

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ที่จำเลยอุทธรณ์ว่า ฟ้องโจทก์ขาดอายุความแล้วนั้น ปรากฏว่าในประเด็นข้อนี้ศาลชั้นต้นมิได้ยกขึ้นวินิจฉัยเนื้อหาของคำพิพากษาศาลชั้นต้นคงมีเพียงคำบังคับให้จำเลยชำระเงินแก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ยและค่าฤชาธรรมเนียมเท่านั้น หาได้กล่าวถึงปัญหาเรื่องอายุความอันเป็นประเด็นแห่งคดีซึ่งเป็นข้อต่อสู้ของจำเลยไม่ แม้ศาลชั้นต้นจะมีอำนาจพิพากษาคดีได้ด้วยวาจาซึ่งไม่จำต้องจดแจ้งรายการแห่งคดีหรือเหตุผลแห่งคำวินิจฉัยไว้ก็ตาม แต่ก็ต้องมีคำวินิจฉัยในประเด็นแห่งคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 141(5) ด้วย มิฉะนั้นคู่ความย่อมไม่อาจอุทธรณ์ได้โดยชัดแจ้งเนื่องจากไม่ทราบว่าศาลชั้นต้นวินิจฉัยในประเด็นแห่งคดีอย่างไร เมื่อปรากฏเหตุที่ศาลชั้นต้นมิได้ปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งว่าด้วยคำพิพากษาและคำสั่ง จึงต้องส่งสำนวนคืนไปให้ศาลชั้นต้นพิพากษาคดีใหม่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 243(1) ประกอบมาตรา 247 และยังรับวินิจฉัยอุทธรณ์ของจำเลยไม่ได้”

พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นวินิจฉัยประเด็นเรื่องอายุความตามข้อต่อสู้ของจำเลยแล้วมีคำพิพากษาใหม่

Share